สังคม

ลูกชายออกโรงโต้ ยายวัย 83 ยันไม่เคยทอดทิ้งแม่ แจงปมแบ่งที่ดิน ไม่เคยได้สมบัติสักบาทเดียว

โดย thichaphat_d

17 มี.ค. 2565

1.1K views

คืบหน้าคดีคุณยายวัย 83 ปี ที่นนทบุรี ออกมาร้องเรียนว่า ถูกลูกชายแท้ ๆ ฟ้อง ข้อหายักยอกทรัพย์ และแจ้งความเท็จ ปมแย่งที่ดินย่านบางกรวย ล่าสุดลูกชาย ออกมาโต้ว่าไม่เคยทอดทิ้งแม่ พร้อมกราบเท้าขอโทษ


กรณีนางเสาวนิจ ภู่อิ่ม อายุ 83 ปี คุณยายชาวสวน อาศัยอยู่ย่านบางกรวย ออกมาร้องสื่อว่า ตนอยู่กินแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับสามี มานานกว่า 50 ปี มีลูกด้วยกัน 4 คน คนโตชื่อนิด อายุ 63 ปี คนที่สองชื่อจ๊อด อายุ 61 ปี คนที่สามชื่อรัตน์ อายุ 58 ปี และคนที่สี่ชื่อสา อายุ 57 ปี (เสียชีวิตแล้ว)

ต่อมาสามีได้แบ่งที่ดินย่านบางกรวย ให้ลูก ๆ 3 คน มีเพียงลูกสาวคนโตที่ไม่ได้ เมื่อลูกสาวคนเล็กเสียชีวิตลง คุณยายผู้เป็นแม่จะต้องได้ที่ดินคืน แต่ลูกชายกลับเอาโฉนดของลูกสาว ไปแจ้งกรมที่ดินว่า ถ้ามีใครมาขอคัดสำเนาโฉนด ห้ามให้เด็ดขาด

ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ชี้แจงว่า ที่ดินแปลงนี้ต้องเป็นของคุณยาย ผู้เป็นแม่ตามกฎหมาย จึงได้ไปแจ้งเรื่อง และทำตามขั้นตอนทุกอย่าง จนผ่านมากว่า 10 ปี จู่ ๆ กับถูกหมายศาลเรียกให้ไปขึ้นศาล ในวันที่ 5 เมษายนนี้ ในฐานะผู้ต้องหาคดี ยักยอกทรัพย์ , แจ้งความเท็จ โดยผู้ฟ้องเป็นลูกชายแท้ๆ ของคุณยาย ซ้ำคุณยายยังป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ไม่สามารถเบิกรักษาได้ ทั้งทีลูกชายรับราชการ

ในเวลาต่อมา นายมนัส ภู่อิ่ม หรือจ๊อด อายุ 61 ปี ลูกชายของคุณยายเสาวนิตย์ อายุ 83 ปี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องที่ตนฟ้องแม่และพี่สาวคนโตนั้น จริง ๆ แล้วตนก็ไม่อยากฟ้องแม่ แต่ว่าแม่เป็นคนที่ร่วมกับพี่สาวไปทำการคัดลอกสำเนาโฉนดที่ดินของน้องสาวคนเล็กที่เสียชีวิตไป

จากนั้นก็ได้นำโฉนดที่ทำขึ้นมาใหม่ไปขาย ทั้งที่โฉนดของน้องสาวคนเล็กตนเป็นคนเก็บไว้ เพราะน้องสาวคนเล็กได้ทำพินัยกรรมไว้ให้ ทุกวันนี้โฉนดที่ตนเก็บไว้ของน้องสาว วันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับโฉนดกล้วยแขกของพระพยอมที่วัดสวนแก้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นโฉนดจริง

แต่ถูกแม่และพี่สาวมาคัดสำเนาจากกรมที่ดิน แล้วเอาไปขายแบบนี้จะให้ตนรู้สึกอย่างไร ตนเป็นลูกชายไม่เคยหวังทรัพย์สินสมบัติอะไรหรอก กลับไม่เคยได้สมบัติแม้แต่สักบาทเดียว ขณะที่พี่สาวคนโต และหลานสาว เป็นฝ่ายได้สมบัติคุณแม่ไปตลอด ถามว่าตัวอยากไปกราบเท้าขอโทษคุณแม่ แต่คุณแม่ก็คงไม่รับตนเป็นลูก ตนมาฟ้องคุณแม่ถึงแม้ตนจะเป็นฝ่ายถูกสังคมก็ต้องด่าว่าตนเป็นฝ่ายผิด

ส่วนเรื่องที่ตนรับราชการกรมอู่ แล้วไม่ได้เซ็นเบิกให้แม่ตอนนั้น ตอนนี้ตนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ว่าการเบิกรักษาคุณแม่จะต้องสำรองเงินไปก่อนจนกว่าจะทำเรื่องเสร็จ แต่ยังไม่ทันไรพี่สาวก็พาคุณแม่ไปหาหัวหน้าของตนเองที่กรมอู่ จากนั้นก็จะขอเร่งรัดให้รีบทำเรื่องเบิกเงิน ซึ่งมันผ่านขั้นตอนไม่ได้ จนตนต้องถูกหัวหน้าตั้งกรรมการสอบ

จนกระทั่งหัวหน้าพบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคาดเคลื่อนไม่ใช่เรื่องจริง ตนจึงพ้นข้อครหาในความผิดจากทางต้นสังกัดในครั้งนั้น เรื่องนี้ตนอยากให้สังคมเห็นใจเข้าใจตนด้วยคนเป็นลูกทะเลาะกับแม่ยังไงก็ผิด ทั้ง ๆ ที่ตนเป็นฝ่ายถูกและถูกกระทำมาโดยตลอด


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/2tFc1csEfi8


คุณอาจสนใจ

Related News