สังคม

แม่ร่ำไห้ หวั่นลูกไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังถูกรถสิบล้อถอยชนดับ

โดย sitanan_k

24 ก.พ. 2565

153 views

วันที่ 24 ก.พ. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ลูกสาม แร้วงัย ได้โพสต์เหตุการณ์ของคนในครอบครัวที่ต้องมาสูญเสียคนที่รัก โดยเนื้อหาในคลิปมีอยู่ว่ามีชายอายุ 27 ปี ทราบชื่อต่อมาคือนาย จักรกฤษณ์ ศุขเสมอ นั่งอยู่หน้ารถหกล้อ โดยใส่หูฟังอยู่ สักพักหนึ่งรถสิบล้อที่อยู่ด้านหลังชายคนดังกล่าวก็ค่อย ๆ ถอยหลังมาชนอัดเข้ากับด้านหน้ารถหกล้อจนถอยออกไป







จากนั้นก็มีชายอีกคนหนึ่งวิ่งไปบอกคนขับให้หยุดรถ ทำให้ท็อปสามารถคลานออกมาจากหน้าตัวรถมานอนอยู่ด้านข้างรถ ก่อนที่จะมีคนโทรแจ้งให้มารับตัวท็อปไปส่งโรงพยาบาล แต่ก็มาสิ้นใจไปก่อนจะถึงโรงพยาบาล ทางญาติ ๆ ได้นำร่างของท็อปมาสวดบำเพ็ญกุศลที่วัดดอนตะโก อ.เมือง จ.ราชบุรี เป็นเวลา 5 คืน และจะเผาร่างในวันนี้ (24 ก.พ. 65)







ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังญาติของท็อปเพื่อพูดคุย หลังทราบเรื่องราวเพราะทางญาติเองก็รู้สึกกลัวว่าท็อปจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และกลัวเรื่องจะเงียบไป ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดดอนตะโก ที่บริเวณศาลาวัด บรรดาญาติของนายท็อปก็กำลังจัดของเพื่อเตรียมพิธีฌาปนกิจศพของนายจักรกฤษณ์ ศุขเสมอ ก่อนที่จะเข้าไปพูดคุยกับนางสุวรรณ สุขสมบูรณ์ อาย 53 ปี แม่ของนายท็อป และนางสาวจุฑาภา อยู่กลัด อายุ 25 ปี ภรรยาของท็อป







จากการพูดคุยเบื้องต้นทราบว่า แม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมา 15 มีลูกอยู่ 2 คน คือท็อป และน้องสาว ท็อปได้ไปทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรสงคราม และอาศัยอยู่กับ ภรรยา โดยมีลูกด้วยกัน 1 คน โดยท็อปเป็นคนเลี้ยงดูอยู่ตลอด แล้วก็คอยไปกลับจ.สมุทรสงคราม กับจ.ราชบุรีอยู่บ่อย ๆ เป็นเสาหลักของครอบครัวที่บ้านคอยช่วยเหลือที่บ้านอยู่ตลอด และเสียใจทั้ง ๆ ที่อายุยังน้อยแต่กลับมาเสียชีวิตโดยความประมาทของคนอื่น น.ส.จุฑาภากล่าวว่า วันเกิดเหตุตนยู่บ้าน แล้วพ่อก็โทรมาบอกว่าให้ทำใจดี ๆ แฟนโดนรถชน ตนก็ตกใจแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนี้ ตนก็พยายามติดต่ออยู่เรื่อย ๆ ก่อนจะมารู้อีกทีก็เสียแล้ว ทำอะไรไม่ถูกก่อนจะโทรหาแม่




นางสุวรรณ กล่าวว่า หลังจากทราบเรื่องก็กลับบ้านมาเอารถไปหาลูกชาย แต่ก็ไม่เจอเพราะส่งร่างน้องไปสมุทรสาครแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาที่สถานีตำรวจก่อน เพื่อมาดูรถ จึงได้พบกับคนขับรถมาพร้อมกับแฟนสาว หลังจากนั้นแฟนของคนขับรถก็เดินมาพูดกับตน ซึ่งน่าจะไม่รู้ว่าตนเป็นแม่ ว่า น้องใส่หูฟังอยู่ถ้าน้องไม่ใส่ ก็ต้องเห็นหรือได้ยินเสียงตอนถอย ซึ่งน้องก็นั่งอยู่ที่บริเวณหน้ารถไม่ได้ไปเดินเกะกะที่ไหน ไปโทษน้องว่าใส่หูฟัง ต้องโทษที่เขาไม่ดูจะไปโทษเด็กว่านั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้



ซึ่งการถอยนั้นก็ถอยจนไปชนกับรถหกล้อที่ดึงเบรกมือถอยหลังไปอีกซึ่งแรงมาก หลังจากเกิดเรื่องขึ้นทางคนชนก็ได้มางานฟังพระอยู่ 2 คืน พร้อมเงินใส่ซองอีกประมาณ 2 หมื่นบาท แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ส่วนที่ออกมาพูดเพราะเรากลัวเรื่องเราจะเงียบหายไป ไม่มีใครอยากสูญเสียลูกชายอายุเพียง 26 ปีเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ในเมื่อเราสูญเสียไปแล้วเราก็ต้องได้เงินมาดูแลลูกชายของเขาครอบครัวของเขา ซึ่งตัวลูกชายเองก็เป็นเด็กพิเศษ (สมาธิสั้น) เราต้องดูแลไปเรื่อย ๆ ถึงเวลาก็ต้องมาหาหมอ ทางคนชนก็ยอมรับว่าผิดแต่ไม่ได้มีการพูดคุยในส่วนของประกัน ค่าเยียวยา



หลังเกิดเรื่องขึ้นตนก็รู้สึกไม่อยากทำอะไร เราเสียลูกไปทั้งคนและเป็นเหตุการณ์แรกที่มีการสูญเสียคนในครอบครัวไป ขณะที่ให้การสัมภาษณ์อยู่ทางแม่ของนายท็อปก็ร้องไห้ด้วยความเศร้าเสียใจที่เกิดการสูญเสียผู้เป็นทั้งลูกชายและเสาหลักของครอบครัวไปอย่างกระทันหัน

คุณอาจสนใจ

Related News