สังคม

ญาติโวยกลางงานเผาศพเสี่ยร้านเกาลัด หลังเห็นคลิป เสี่ยตกจากรถสาวคนสนิทแต่ไม่มีใครช่วย

โดย onjira_n

31 ม.ค. 2565

30K views

บรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทของนายอภิชาต พูลเผือก หรือ เสี่ยก้อง อายุ 39 ปี เจ้าของธุรกิจร้านเกาลัดชื่อดังในจังหวัดกาญจนบุรี ตะโกนด่าทอนางสาวแหม่ม เพื่อนสาวคนสนิทของเสี่ยก้อง ภายในพิธีเผาศพของเสี่ยก้อง ที่บริเวณ เมรุ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี หลังจากที่ญาติๆและเพื่อนสนิทของเสี่ยก้อง ได้เห็นคลิปวีดีโอจากกล้องหน้ารถ ซึ่งบันทึกภาพเหตุการณ์ วันที่เสี่ยก้อง ประสบอุบัติตกจากรถยนต์กระบะที่มีนางสาวแหม่ม เป็นคนขับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 22 มกราคม ก่อนจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 25 มกราคาที่ผ่านมา



ซึ่งตามคำบอกเล่าของนางสาวแหม่ม หญิงสาวคนสนิทของเสี่ยก้อง ให้ข้อมูลกับครอบครัวของเสี่ยก้องว่า ในวันเกิดเหตุ เสี่ยก้องและนางสาวแหม่ม ทะเลาะมีปากเสียงกัน บนรถกระบะป้ายแดง ที่มีนางสาวแหม่มเป็นคนขับ โดยเสี่ยก้องพยายามจะบอกให้นางสาวแหม่มจอดรถ แต่นางสาวแหม่มไม่ยอมจอด ทำให้เสี่ยก้องเปิดประตูรถและกระโดดลงไปจากรถเอง ศรีษะกระแทกพื้นถนนได้รับบาดเจ็บสาหัส นางสาวแหม่มและน้องชายที่ขับรถตามหลังมา ได้รีบลงไปช่วยเสี่ยก้องและโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิขุนรัตนาวุธ เดินทางมารับตัวเสี่ยก้องไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที แต่จากภาพวีดีโอของกล้องหน้ารถ ที่น้องชายของนางสาวแหม่ม ขับตามหลังรถคันเกิดเหตุสามารถบันทึกภาพช่วงเกิดเหตุเอาไว้ได้อย่างชัดเจนนั้น พบว่า ช่วงเกิดเหตุ เสี่ยก้องพยายามเปิดประตูรถเพื่อขู่ให้นางสาวแหม่มจอดรถจริง แต่นางสาวแหม่มกลับเร่งความเร็ว ทำให้รถเกิดกระชากและทำให้เสี่ยก้องร่วงตกจากรถ ร่างกระแทกพื้นอย่างรุนแรง


จากนั้น นางสาวแหม่ม ได้จอดรถลงมาดู พร้อมตะโกนด่าทอเสี่ยก้องต่อ พร้อมตะโกนบอกให้รีบลุกมาขึ้นรถ โดยไม่เข้าไปให้การช่วยเหลือใดๆ ขณะที่น้องชายของนางสาวแหม่ม ก็ได้ตะโกนบอกให้นางสาวแหม่มและเพื่อนที่อยู่ในรถคันติดกล้อง ไม่ต้องเข้าไปช่วยเหลือเสี่ยก้อง ปล่อยให้นอนอยู่แบบนั้นเป็นระยะเวลานาน โดยกล่าวหาว่าเสี่ยก้องแกล้งเจ็บเรียกร้องความสนใจ ซึ่งกว่าจะมีการโทรตามเจ้าหน้าที่มูลนิธิขุนรัตนาวุธมาให้ความช่วยเหลือ เวลาก็ผ่านไปมากกว่า20นาที ทำให้เสี่ยก้องอาการสาหัสและเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งเมื่อบรรดาญาติๆและเพื่อนสนิทของเสี่ยก้อง ได้เห็นคลิปวีดีโอดังกล่าว ต่างก็เกิดความแค้นและตะโกนด่าทอ นางสาวแหม่มเพื่อนสาวคนสนิทของเสี่ยก้องอย่างรุนแรงและมีความพยายามที่จะเข้าไปเอาเรื่องหลายครั้ง จนแขกที่มาร่วมงานต้องช่วยกันเข้ามาห้ามและไล่ให้นางสาวแหม่มกลับออกไปจากงาน



นางลักษ์ชนก ฮิดาคา อายุ 39 ปี พี่สะใภ้ของเสี่ยก้อง ผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า หลังเกิดอุบัติเหตุจนเสี่ยก้องเสียชีวิต ทางครอบครัวได้รับทราบเรื่องราวจากปากของนางสาวแหม่มเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีใครเคยเห็นคลิปดังกล่าว ทางครอบครัวจึงไม่มีใครที่กล่าวโทษนางสาวแหม่มและเชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น เป็นอุบัติเหตุ แต่เมื่อได้เห็นคลิปและได้ยินเสียงสนทนา ระหว่างนางสาวแหม่มกับน้องชายและเพื่อนที่อยู่ในรถคันติดกล้อง ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนกันว่า หากนางสาวแหม่ม รีบนำตัวเสี่ยก้องส่งโรงพยาบาล หรือรีบโทรศัพท์ตามรถพยาบาลมารับ เสี่ยก้องก็คงจะอาการไม่หนักและไม่ต้องมาเสียชีวิตเช่นนี้ ซึ่งพฤติกรรมของนางสาวแหม่มและน้องชาย คล้ายกับต้องการที่จะให้เสี่ยก้องอาการสาหัสมากขึ้นแล้วค่อยโทรแจ้งมูลนิธิให้มารับตัว คล้ายกับต้องการให้เสี่ยก้องถึงแก่ความตาย



ขณะที่ นายกฤษณะ พูลเผือก อายุ 42 ปี พี่ชายของเสี่ยก้อง ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ภายในซอยวังขนาย11 ซึ่งซอยดังกล่าวเป็นซอยเล็กๆถนนสองเลนแล่นสวนกัน รถที่จะเลี้ยวเข้าซอยจะใช้ความเร็วไม่มาก ซึ่งจากในคลิปก็จะเห็นว่า รถคันที่นางสาวแหม่มขับ ก็ไม่ได้ขับเร็ว แต่ในจังหวะที่เสี่ยก้องเปิดประตู ดูคล้ายกับว่านางสาวแหม่มพยายามเร่งความเร็วรถ จนรถเกิดการกระชากรุนแรง ส่งผลให้เสี่ยก้องร่วงตกรถได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจากความเร็วของรถที่น่าจะขับมาด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยังไงเสี่ยก้องก็ไม่น่าจะเจ็บสาหัสขนาดนี้ อีกทั้ง จากคำพูดของแพทย์ที่ทำการรักษา บอกว่า ด้านหลังศรีษะของเสี่ยก้องได้รับบาดเจ็บหนัก คล้ายกับถูกกระแทกด้วยของแข็งหลายครั้ง จนสมองเกิดอาการบวมอย่างหนัก แต่ในที่เกิดเหตุ กลับไม่พบรอยเลือดใดๆหลงเหลืออยู่เลย จึงอาจเป็นไปได้ว่า อาการบาดเจ็บที่ศรีษะของเสี่ยก้อง อาจจะไม่ได้เกิดจากการตกรถศรีษะกระแทกพื้นเพียงอย่างเดียว



ซึ่งหลังจากนี้ ทางครอบครัวจะได้เข้าไปแจ้งความเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรท่าม่วง เพื่อให้เอาผิดกับนางสาวแหม่มและน้องชาย รวมทั้ง สอบสวนให้เกิดความชัดเจนว่า อาการบาดเจ็บที่ศรีษะของเสี่ยก้องที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต เกิดจากอุบัติเหตุจริง หรือเกิดจากการกระทำของใครกันแน่ สุดท้ายเหตุการณ์ครั้งนี้ จะเป็นเพียงอุบัติเหตุ หรือฆาตกรรมที่มีการจัดฉากก็อยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้ได้


คุณอาจสนใจ

Related News