สังคม

โอมิครอนลามแล้ว 34 จังหวัด สธ.ชี้กาฬสินธุ์ เป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ ผงะ! เจอเชื้อในแอร์ ร้านกินดื่ม

โดย thichaphat_d

30 ธ.ค. 2564

5.2K views

สาธารณสุขเฝ้าระวังคลัสเตอร์ใหญ่โอมิครอน ที่ จ.กาฬสินธุ์ ที่ล่าสุดติดเชื้อกว่า 200 คนแล้ว ขณะที่ภาพรวมทั่วไทย มีผู้ติดเชื้อโอมิครอนลามไม่หยุดพุ่ง 740 คน ใน 34 จังหวัด ในจำนวนนี้ติดเชื้อเฉพาะในประเทศ 19 จังหวัด

วานนี้ (29 ธ.ค.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงว่า จากการถอดรหัสสายพันธุ์โควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่า ในไทยมีผู้ติดโอมิครอนเพิ่มขึ้น โดยช่วง 2 วันนี้ เพิ่มขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว มีผู้ติดเชื้อโอมิครอนสะสมแล้ว 740 คน แบ่งเป็น ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 489 คน และ การติดเชื้อในประเทศ 251 คน ซึ่งล้วนเกี่ยวโยงกับผู้ที่เดินทางเข้าไทยทั้งสิ้น

โดยมีผู้ติดโอมิครอนใน 34 จังหวัดแล้วในขณะนี้ (แต่ติดเชื้อภายในประเทศ 19 จังหวัด) พบเกือบทุกเขตสุขภาพ 1-13 ยกเว้นเขตสุขภาพที่ 2 (คือ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ สุโขทัย และตาก) โดยเขตที่ 13 พื้นที่ กทม.พบมากที่สุด 277 คน ซึ่งคลัสเตอร์ใหญ่ที่สุด คือ กาฬสินธุ์ที่มี 200 กว่าคน กระจายหลายจังหวัด (ข้อมูลกรมวิทย์ฯยืนยันที่ 232 คน)

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทยว่า ขณะนี้สายพันธุ์โอมิครอน 2 ใน 3 มาจากต่างประเทศ ติดเชื้อในประเทศ 1 ใน 3 แต่ระบบสาธารณสุขยังลงไปสอบสวนโรค ตรวจจับการระบาดและควบคุมได้ ซึ่งการสอบสวน มี 2 คลัสเตอร์

1.สายพันธุ์โอมิครอน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งแพร่กระจายหลายจังหวัด ทั้งอุดรธานี มหาสารคาม ขอนแก่น ร้อยเอ็ด หนองบัวลำภู สกลนคร ลำพูน พิษณุโลก อุบลราชธานี ลำปาง และ เพชรบูรณ์ ซึ่งถือว่าเป็น “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” เนื่องจาก 1 คนกระจายหลายร้อยคน โดยคลัสเตอร์นี้ ผู้ป่วยโอมิครอนเข้าประเทศ และเดินทางมากาฬสินธุ์และไปหลายสถานที่ โดยสถานที่สำคัญเป็นข้อสังเกต คือร้านอาหารที่เป็นบาร์

ผู้ติดเชื้อไปร้านอาหารหรือบาร์ 2 แห่ง ซึ่งจุดที่น่าสังเกตคือ ผู้ที่อยู่ในร้านบาร์ S ไม่พบผู้ติดเชื้อเลย ขณะที่ร้านบาร์ K พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เกิดซูเปอร์สเปรดเดอร์กระจายเกือบทั้งภาคอีสานและหลายจังหวัดในภาคเหนือ จุดแตกต่างของ 2 ร้านนี้พบว่า ร้านบาร์ S มีบริการ 10 โต๊ะ รองรับสูงสุด 40 คน ไม่มีเก้าอี้เสริม มีพนักงาน 9 คน วันนั้นรับลูกค้าเพียง 10% คือคนไม่เยอะ ให้ดื่มแอลกอฮอล์ถึง 23.00 น. ไม่มีแสดงดนตรี

ส่วนบาร์ K พบว่ามี 15 โต๊ะ รองรับ 80 คน และมีการเสริมโต๊ะ พนักงานมี 9 คน นักดนตรี 6 คน ลูกค้าอยู่กันวันนั้น 90% ของร้าน และอยู่กันนาน เพราะมีดนตรี ทำให้คนเข้าเยอะและตามมาด้วยดื่มแอลกอฮอล์ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย นั่งดริงก์เชียร์แขก เปิดดื่มถึงเที่ยงคืน มีการแสดงดนตรีสด ทำให้คนอยู่ในร้านนานขึ้น จึงเพิ่มความเสี่ยง และระบบระบายอากาศไม่ค่อยดี

2. คลัสเตอร์นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน กทม. เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. พบผู้ติดเชื้อ 52 ราย มีประวัติรับประทานอาหาร ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารคล้ายผับ ร้าน A ช่วงวันที่ 8-14 ธ.ค. ข้อเสี่ยงคล้ายคลัสเตอร์ก่อนหน้านี้ เพราะห้องปรับอากาศ อากาศถ่ายเทไม่ดี และหลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบหาเชื้อในสิ่งแวดล้อม พบเชื้ออยู่ในเครื่องปรับอากาศ

ทั้งนี้ ตั้งแต่เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในระบบเทสต์แอนโก จากที่พบผู้ติดเชื้อโอมิครอน 0.8 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นถึง 0.29 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเพิ่มขึ้น 3.6 เท่า (โดย 2 ใน 3 มาจากต่างประเทสและ 1 ใน 3 สัมผัสกับผู้มาจากต่างประเทศ) พร้อม คาดการณ์การติดเชื้อจะเพิ่มมากขึ้น โดยหลังปีใหม่จึงต้องมีมาตรการเพิ่ม โดยขณะนี้กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนมี 10 เปอร์เซ็นต์

ส่วนทั้งประเทศตอนนี้ฉีดวัคซีนไปแล้ว103 ล้านคน และพบว่าฉีดกระตุ้นเข็ม 3 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/5QcGI85_jJE

คุณอาจสนใจ