สังคม

หลายจังหวัดรอลุ้น ผู้ติดโควิดเป็น 'โอมิครอน' หรือไม่ - เกาะสมุยเตรียมส่งตัวหนุ่มอิสราเอลส่งฟ้องศาล

โดย thichaphat_d

27 ธ.ค. 2564

10.6K views

การแถลงของเขตสุขภาพที่ 8 ครอบคลุม 7 จังหวัดภาคอีสานตอนบน แถลง กรณีจังหวัดเลย สามีชาวฝรั่งเศส ภรรยาชาวไทย ลูกอายุสองขวบ เดินทางมาจากฝรั่งเศส ลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ 


ใช้วิธีการเข้าแบบ Test&Go ในวันที่ 17 เข้าพักโรงแรม ผลตรวจ RT-PCR พบว่าเป็นลบทั้งสามคน ทางภรรยาเลยไปกินข้าวกับเพื่อน แต่พอวันที่ 23 ภรรยาพยว่า หนึ่งในเพื่อนที่กินข้าวด้วยกันติดเชื้อโควิด วันที่ 24 เลยพาไปตรวจกับสามี พบผลเป็นบวก และพบว่าเป็นโอมิครอน


ตอนนี้สาธารณสุข กำลังไล่ตามเพื่อหาผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อ 


วานนี้ (26 ธ.ค. 64) เพจ สถานการณ์ COVID-19 จังหวัดสุรินทร์ รายงานพบข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด โดยมีรายงานเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นผู้ป่วยใหม่ จำนวน 9 ราย แบ่งเป็น ติดเชื้อในพื้นที่ 7 ราย และ นอกพื้นที่ 2 ราย


ในจำนวนนี้ มีผู้ติดเชื้อในพื้นที่ 1 ใน 7 ราย ลำดับที่ 19,157 เป็น ยืนยันรับเชื้อ โอมิครอน เป็นคนแรก โดยเป็นวัยรุ่นชาย อายุ 16 ปี เป็นนักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพ มีประวัติไปคอนเสิร์ตงานช้าง วันที่ 15 ธ.ค. และ 17 ธ.ค.64


โดยตรวจพบเชื้อ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังมีอาการไป เจ็บคอ จึงเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ พร้อมพ่อ น้าสาว น้าเขย ลูกชายของน้าเขย และน้องสาว ซึ่งทุกคน สวมหน้ากากอนามัย หลังจากนั้น โรงพยาบาล แจ้งผล วัยรุ่นชาย 16 ปี ว่า พบเชื้อ COVID-19  


ขณะเดียวกัน รพ.กาบเชิง แจ้งผลการตรวจเชื้อ โควิด-19 เป็นสายพันธุ์ โอไมครอน เบื้องต้น มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 30 ราย  ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 21 ราย


ขณะที่ผู้ติดเชื้อนอกพื้นที่ 2 ราย รายแรก เป็นหญิงอายุ 40 ปี อาชีพ แม่บ้าน และ รายที่สอง เป็นชาย อายุ 58 ปี อาชีพนักธุรกิจ ขณะนี้เข้ารักษาตัวที่ รพ.กาบเชิง ตรวจสอบพบประวัติการเดินทาง ประเทศเดนมาร์ก ล่าสุดตรวจพบเชื้อ โอไมครอน เป็น รายที่ 2 และ 3 ของ จังหวัดสุรินทร์  โดยมีกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 19 ราย และ ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 2 ราย


คำแนะนำ ผู้ที่ไป ในวัน เวลา สถานที่ ดังกล่าว ขอให้ป้องกันตนเองและปฏิบัติตามมาตรการ DMHT พร้อมสังเกตอาการจนครบ 14 วัน หากมีอาการไง ไอ เจ็บคว จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ให้เข้ารับการตรวจได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง


วานนี้ (26 ธ.ค. 64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชายสัญชาติอังกฤษ อายุ 46 ปี ได้เดินทางมาหาภรรยาชาวไทยที่บ้านโคกวัด ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ โดยมาถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 ธ.ค ที่ผ่านมาผ่านการตรวจคัดกรองหาเชื้อโรคโควิด -19 แต่ไม่พบเชื้อ จึงเดินทางมาหาภรรยาที่จ.บุรีรัมย์


โดยต่อมาวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ชายชาวอังกฤษมีไข้สูง ภรรยาชาวไทยจึงแจ้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบ้านด่าน เข้ามาตรวจสอบ จากการตรวจหาเชื้อพบติดเชื้อโรคโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ และได้ส่งตัวอย่างเชื้อไปตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เขต 9 นครราชสีมา ว่าเป็นเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนหรือไมj


เบื้องต้นทีมเฝ้าระวังและสอบสวนโรคสาธารณสุขอำเภอและโรงพยาบาลบ้านด่าน ลงพื้นที่ตรวจสอบพบมีกลุ่มเสี่ยงสูงจำนวน 14 ราย ตรวจพบติดเชื้อ 1 ราย เป็นหญิงวัย 80 ปี ที่เหลือเจ้าหน้าที่ให้กักตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน โดย1 ใน 14 รายมีนักเรียนชายชั้นป.2 รวมอยูด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ อสม. ,สาธาณสุข ฝ่ายปกครอง เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด


นายสิริศักดิ์ การรัมย์ อายุ59 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 บ้านโคกวัด ต.บ้านด่าน กล่าวว่าเบื้องต้นเท่าที่ทราบมีกลุ่มเสี่ยงสูงที่ใกล้ชิดกับชาวอังกฤษมี 4 ครอบครัว จำนวน 14 คน โดยชาวอังกฤษคนดังกล่าวได้เดินทางไปตลาดนัดคลองถมหน้าที่ว่าการอำเภอบ้านด่านพร้อมภรรยา เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา


ด้าน นางหาญ ดีช่อรัมย์ อายุ 58 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้านกล่าวว่าเห็นชายชาวอังกฤษมาในหมู่บ้านแต่ไม่ได้แจ้งให้ อสม.ในพื้นที่ทราบว่าเดินทางมาจากต่างประเทศ ตอนนี้รู้สึกวิตกกังวลว่าโควิด 19 ที่ตรวจพบจะเป็นสายพันธุ์โอมิครอนหรือไม่


วานนี้ (26 ธ.ค. 64) ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค COVID-19 จังหวัดเชียงใหม่ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายแพทย์วรัญญู จำนงประสาทพร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และแพทย์หญิงเสาวนีย์ วิบุลสันติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ ร่วมกันแถลงการสอบสวนเบื้องต้นผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ที่มีความสำคัญทางสาธารณสุข จังหวัดเชียงใหม่


ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ แต่มีเรื่องสำคัญที่จะต้องแจ้งให้ประชาชนทุกคนทราบ เพื่อเตรียมตัว ตื่นตัว และตระหนักไปพร้อมกัน เนื่องจากได้มีการตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกพบว่ามีชาวต่างชาติ 2 ราย ที่เดินทางมาจากอังกฤษและเยอรมัน ผ่านระบบ Test & Go พบว่ามีการติดเชื้อและคาดว่าจะเป็นสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งขณะนี้สามารถติดตามไทม์ไลน์และควบคุมได้แล้ว จึงขอแจ้งให้ประชาชนทุกคนทราบว่ามีเชื้อสายพันธุ์ใหม่เข้ามาแล้ว แต่อย่าได้ตื่นตระหนก เพราะตอนนี้ได้สอบสวนและควบคุมโรคแล้ว


ด้าน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับแจ้งผลตรวจสายพันธุ์ของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาผ่านระบบการคัดกรองแบบ Test & Go จำนวน 2 ราย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นสายพันธุ์โอไมครอน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจยืนยันโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คาดว่าจะทราบผลยืนยันในอีก 2 วัน อย่างไรก็ตามทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคอย่างเข้มข้นตั้งแต่ได้รับรายงาน


โดยผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นชายชาวเยอรมัน อายุ 22 ปี เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 17 ธันวาคม ผลตรวจ RT-PCR ในวันแรกไม่พบเชื้อ ผู้ติดเชื้อรายนี้อยู่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 17-20 ธันวาคมและได้เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 20 ธันวาคม ด้วยสายการบินไลออนแอร์ SL510 ก่อนจะเข้าพักในคอนโดที่จองไว้ ย่านช้างคลาน และได้เดินทางไปเที่ยวใน อำเภอแม่วาง (private tour) ในวันที่ 21 ธันวาคม เริ่มมีอาการผิดปกติ วันที่ 22 ธันวาคม จึงเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน พบว่าติดเชื้อ จากผลการติดตามผู้สัมผัสของผู้ติดเชื้อรายแรกพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 18 ราย เสี่ยงต่ำ 7 ราย ขณะนี้ติดตามตัวได้ทั้งหมดแล้ว โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ประกอบด้วย (1) ผู้สัมผัสในเที่ยวบิน ซึ่งเป็นผู้ที่นั่งอยู่ใน 2 แถวหน้า-หลัง และแถวเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ จำนวน 13 ราย อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ 4 ราย ตรวจแล้วผลลบแล้ว 3 ราย และได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อในวันนี้อีก 1 ราย (2) พนักงานขับรถแท็กซี่ 1 ราย ผลตรวจรอบแรกเป็นลบ (3) พนักงานขับรถและไกด์นำเที่ยว 2 ราย อยู่ระหว่างการรอผลตรวจ (4) เพื่อนร่วมเดิมทางไปที่ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 1 ราย ได้ติดตามเพื่อเข้ารับการตรวจวันนี้ (5) หมอนวด 1 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 7 ราย เป็นพนักงานร้านกาแฟ ผลตรวจเป็นลบ 6 ราย และอยู่ระหว่างรอผลอีก 1 ราย


ส่วนผู้ติดเชื้อรายที่ 2 เป็นชายชาวอังกฤษ อายุ 64 ปี เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 18 ธันวาคม ผลตรวจ RT-PCR ในวันแรกไม่พบเชื้อ ได้เดินทางต่อมายังจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 19 ธันวาคม ด้วยสายการบินไทยสไมล์ WE110 และเข้าพักที่บ้านเช่าใน อำเภอสันทราย ผู้ติดเชื้อรายนี้ได้ตรวจ ATK ด้วยตนเองในวันที่ 24 ธันวาคมพบผลบวก จึงเข้ารับการตรวจ RT-PCR ที่โรงพยาบาลดอยสะเก็ด ก่อนจะทราบผลติดเชื้อในเวลาต่อมา ขณะนี้รักษาตัวในโรงพยาบาลสันทราย


จากผลการติดตามผู้สัมผัสของผู้ติดเชื้อพบผู้สัมผัส ได้แก่ (1) เพื่อนที่ร่วมเดินทาง 3 ราย เข้ารับการตรวจแล้วทั้งหมด ผลเป็นลบ 2 ราย อีก 1 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ (2) ผู้สัมผัสในเที่ยวบิน WE110 ที่นั่งอยู่ 2 แถวหน้า-หลัง และแถวเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างการติดตามข้อมูลจากสายการบิน และ (3) พนักงานขับรถแท็กซี่ 1 ราย อยู่ระหว่างการติดตาม


ด้านแพทย์หญิงเสาวนีย์ วิบุลสันติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ที่เจอยังเป็นผู้ที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่ง 2 รายนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาตามระบบ Test & Go เมื่อตรวจ RT-PCR ไม่พบเชื้อจึงเดินทางมาต่อมายังจังหวัดเชียงใหม่ มีการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในทุกๆ แห่ง ที่ผู้ติดเชื้อมีประวัติเดินทางไป และแจ้งให้ผู้สัมผัสเสี่ยงสุงทุกคนหยุดกิจกรรมทุกอย่าง และเข้ารับการตรวจ RT-PCR แล้ว ซึ่งบางรายผลออกแล้วเป็นลบ และบางรายอยู่ระหว่างรอผล โดยผู้ที่ผลตรวจรอบแรกเป็นลบจะต้องกักตัวจนครบ 14 วัน และทำการตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง ทั้งนี้ขอให้มั่นใจว่าเมื่อพบผู้ติดเชื้อทางสาธารณสุข สามารถดำเนินการและตรวจจับเชื้อ สวบสวนโรค ควบคุมโรคได้ทันที


ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เน้นย้ำให้พี่น้องประชาชนเพิ่มความระมัดระวังตัวให้มากขึ้น และยังไม่มีการระบาดในพื้นที่ แต่เป็นการระบาดจากต่างประเทศเข้ามา จังหวัดเชียงใหม่ได้รณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยเร็วที่สุด เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน รวมทั้งทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่จะมีการวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเป็นระบบ โดยผ่านการประเมินจากทีมแพทย์ ซึ่งมาตรการทุกอย่างจะต้องเข้มงวดเหมือนเดิม โดยเฉพาะร้านอาหารต่างๆ ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้


เกาะสมุยเตรียมส่งตัวหนุ่มอิสราเอลส่งฟ้องศาลจังหวัดเกาะสมุย โดย ล่าสุดตำรวจนำตัวหนุ่มอิสราเอล ออกจากสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้ ออกจากที่กักตัวแล้ว พร้อมนำตัวไปสอบปากคำตามหมายจับของ สภ.เกาะสมุย ที่ทางสาธารณสุขอำเภอเกาะสมุย ร้องกล่าวโทษ ในข้อกล่าวหา ความผิดฐาน ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรื่องมาตรการเร่งด่วนในการป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พร้อมเตรียมนำตัวฟ้องศาลจังหวัดเกาะสมุย ในวันพรุ่งนี้


วานนี้ (26 ธ.ค.) พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พัน์โกศล ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมตำรวจท่องเที่ยว และ ตำรวจ สภ.เกาะสมุย ได้เดินทางไปรับตัว นายโอฮัท บรันช์ อายุ 29 ปี สัญชาติอิสราเอล ออกจาก AQ สถานที่กักตัวโรคโควิด-19 ที่เป็นสถานที่รัฐจัดให้ ภายในโรงแรมซุปเปอร์โปร สมุย หลังเจ้าหน้าที่ได้นำตัวมากักตัว ก่อนหน้านี้


โดยตำรวจ ตม. นำหมายจับที่ออกโดยศาลจังหวัดเกาะสมุย เลขที่ 100 /2564 เข้าแสดงหมาย จับในข้อกล่าวหา กระทำความผิดฐาน “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 3525 /2564 ข้อ 3.1 เรื่องมาตรการเร่งด่วนในการป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่ทางสาธารณสุขอำเภอเกาะสมุย เป็นผู้กล่าวโทษ เมื่อวันที่ 23 ธัวาคม 2564 ที่ผ่านมา


ซึ่งทางพนักงานสอบสวน สภ.เกาะสมุย ได้ร่วมกันสอบปากคำ ซึ่งทางนายโอฮัท บรันช์ หนุ่มอิสราเอล ได้รับทราบข้อกล่าวหา พร้อมกัน ในวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะนำตัวหนุ่มอิสราเอล ส่งฟ้องศาลจังหวัดเกาะสมุย ก่อนส่งตัวให้ พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ต่อไป


สำหรับ นายโอฮัท บรันช์ ก่อนหน้านี่ไดด้หลบหนีจากโรงแรมที่กักตัวของโรงแรมแห่งที่กรุงเทพมหานคร ก่อนที่ผลการตรวจเชื้อจะออกมาว่าติดโควิด19 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2564 ก่อนเดินทางไปหลายพื้นที่ ทั้งที่พัทยา จังหวัด ชลบุรี จังหวัดชุมพร และสุดท้ายมาพักอาศัยอยู่ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในช่วงบ่ายของวันที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่ผ่าน และเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปรับตัว ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย ในช่วงเที่ยวของวันที่ 22 ธันวาคม ที่ผ่านมา เนื่องจาก หนุ่มอินสราเอล รายนี้ ขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ เกาะสมุย และได้นำตัวไปตรวจหาเชื้อ ที่โรงพยาบาลเกาะสมุย 3 ครั้ง แต่ผลเป็นลบทั้ง3 ครั้ง ตามที่ได้นำเสนอข่าวมาก่อนหน้านี้


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/G1_8FAQ293k

คุณอาจสนใจ

Related News