สังคม

สามีร้องภรรยาท้อง 5 เดือน เลือดออก หมอให้กินยาเร่งคลอด สุดท้ายลูกเสียชีวิต ซ้ำพาร่างไปเผาไม่บอก

โดย JitrarutP

2 ธ.ค. 2565

89 views

สามีร้องขอความเป็นธรรม หลังพาภรรยาท้อง 5 เดือน มีอาการเลือดออกจากช่องคลอด และไปรักษาที่ที่โรงพบาลชื่อดังในจังหวัดสมุทรสาคร สุดท้ายลูกเสียชีวิต

โดยทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้พูดคุยกับคุณต้น พ่อของเด็ก 5 เดือน เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ภรรยาของเขาตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน คืนวันที่ 15 ก.ค.65 เวลาประมาณ ตี 1 กว่าๆ ภรรยามีอาการเลือดออกบริเวณช่องคลอด และมีไข้ 37 องศา จึงนำตัวส่งโรงพยาบาล

หลังจากถึงโรงพยาบาลพยาบาล ได้ให้ภรรยาทานยาพาราลดไข้ และให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล พอถึงตอนเช้าเวลา 08.00 น. พยาบาลได้นำตัวภรรยาไปพบหมอเจ้าของครรภ์เพื่ออันตราซาวด์ พบว่าเด็กยังปกติดีทุกอย่าง ไม่มีอาการหน้าเป็นห่วง และได้ใช้อุปกรณ์ตรวจดูช่องคลอด พบว่าปากมดลูกยังไม่เปิด คุณหมอได้แจ้งว่าจะให้ทานยากันแท้ง ซึ่งระหว่างวันมีกินยาลดไข้และยาบำรุงเลือด โดยพยาบาลบอกว่าสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ

ขณะที่ช่วงเช้าวันของอีกวัน ภรรยาได้ตื่นขึ้นมาและไปเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนผ้าอนามัย เมื่อเดินกลับมาที่เตียงปรากฎว่ามีน้ำใสๆ ไหลออกมาจากช่องคลอด และมีอาการปวดท้องเป็นอย่างมาก จึงรีบแจ้งพยาบาล พยาบาลได้เอายาแก้ปวดมาให้ทาน และบอกว่ายังทำอะไรไม่ได้ ต้องรอคุณหมอมาก่อน

หลังจากที่คุณหมอมาถึงคุณหมอรีบเข้ามาตรวจภายใน คุณหมอแจ้งว่า พบหัวเด็ก โผล่ออกมา ซึ่งตอนนั้นตกใจเป็นอย่างมาก คุณหมอบอกว่าจะให้ยาเร่งคลอด เนื่องจากน้ำคล่ำไหลออกตอนเช้า และหมอบอกให้พ่อแม่ทำใจ รอให้เด็กหลุดออกมาเองแบบธรรมชาติ พอหมอบอกแบบนั้น ทำให้รู้สึกใจไม่ดี คิดไว้แล้วว่าจะต้องเสียลูกไปโดยกระทันหันอย่างแน่นอน หลังจากนั้นลูกก็เสียชีวิต

หลังจากภรรยาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหายดีแล้ว และวันที่วันที่ 30 พ.ย.65 ได้ติดต่อขอรับศพลูกสาว แต่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแจ้งว่า "ได้นำไปประกอบพิธีให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว" ซึ่งทำให้ตนและภรรยาถึงกับช็อก และเสียใจซ้ำสอง และสงสัยว่าทำไมทางโรงพยาบาลจึงไม่แจ้งพ่อกับแม่

คุณต้น บอกว่า ที่ออกมาเรียกร้องในวันนี้เรื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม อยากให้ทางโรงพยาบาลชี้แจงให้ชัดเจน ว่านำศพลูกสาวไปประกอบพิธิฌาปณกิจที่ไหน

ทีมข่าวของเราได้ติดต่อไปยัง โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านสมุทรสาคร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่รักษา โดยทางโรงพยาบาลชี้แจงว่าหลังจากที่โรงพยาบาลทราบเรื่องแล้ว อยู่ระหว่าง ได้ตรวจสอบข้อมูล ส่วนเรื่องการเยียวยาอยู่ระหว่างการพิจารณา และทางโรงพยาบาลได้ติดต่อขอพูดคุยกับทางครอบครัวผู้สูญเสียแล้ว เพื่อชี้แจงให้ครอบครัวได้เข้าใจ


คุณอาจสนใจ

Related News