ผู้เสียหาย ร้อง! ถูกทหารยศ 'นายพล' ขู่ หลังรู้ความลับกู้สวัสดิการฯ ซื้อบ้าน แอบเก็บส่วนต่าง 5%

ทนายไพศาลพาผู้เสียหายที่เป็นผู้ประกอบการสร้างบ้านขายให้กับกำลังพลกองทัพบก ร้องกระทรวงยุติธรรมขอคุ้มครองพยาน หลังถูกนายพลข่มขู่คุกคาม เพราะรู้ความลับ มีหลักฐานสำคัญ เกี่ยวกับการ กู้สวัสดิการกองทัพบกที่ไม่เป็นธรรม


ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พร้อมด้วย นางสาวก้อย และ นางสาวเบิร์ด (นามสมมติ) เข้าพบว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นขอคุ้มครองพยาน หลังถูกทหารนายหนึ่งของกองทัพบกข่มขู่คุกคาม


นางสาวก้อย บอกว่า ตัวเองเป็นผู้ประกอบการสร้างบ้านขายให้กับกำลังพลของกองทัพบก โดยกำลังพลที่จะซื้อบ้านกับตัวเองจะต้องทำเรื่องกู้ผ่านกรมสวัสดิการทหารบก ซึ่งทางกรมฯ อ้างว่า จะต้องหักค่าธรรมเนียมกองทัพบก 5% เช่น บ้านราคา 1 ล้านบาท กำลังพลจะต้องกู้สวัสดิการวงเงิน 1,500,000 บาทและจะถูกหัก 5% คือ 75,000 บาทเป็นค่าธรรมเนียมกองทัพบก


โดยที่กำลังพล (ผู้กู้) ไม่ทราบว่า มีการหักเงินตรงนี้ไว้ นอกจากการหักเงิน 5% ยังมีเงินทอนส่วนต่างที่กำลังพลจะต้องได้เงินทอนประมาณ 4 แสนบาทไปเพื่อตกแต่งบ้าน


ส่วนกรณีของ นางสาวก้อย เป็นผู้ประกอบการที่ทอนเงินส่วนต่างให้กับกำลังพลผู้กู้ แต่ว่า ยังขาด 5% เพราะถูกกรมสวัสดิการเก็บไว้ อ้างเป็นค่าธรรมเนียมของกองทัพบก สุดท้ายแล้ว นางสาวก้อย ไปหาข้อมูล จนทราบว่า 5% ตรงนี้กองทัพบกไม่มีระเบียบในการจัดเก็บเป็นการเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเองของ นายทหารคนหนึ่งของกรมสวัสดิการทหารบก


หลังจากนางสาวก้อยไปขุดคุ้ยจนพบว่าเป็นการเก็บเงินส่วนต่าง 5% เข้ากระเป๋าของเจ้ากรมสวัสดิการทหารบก จึงร้องเรียนไปที่กองทัพบกตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและมีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปรากฏว่า หลังประชุมมีนายทหารคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่ในห้องประชุมด้วยออกมา พยายามขโมยเอกสารลับ หลักฐาน ที่นางสาวก้อยไปตรวจพบว่ามีการเก็บเงิน 5% ไว้เองโดยอ้างกองทัพบก


นอกจากเอกสารลับและวงจรปิดหลักฐาน ที่ทนายไพศาลและผู้ประกอบการผู้เสียหายมายื่นขอคุ้มครองพยาน เพราะนอกจากนางสาวก้อยยังมีผู้ประกอบการรายอื่นๆอีก เช่น นางสาวเบิร์ด เป็นผู้ประกอบการสร้างบ้านจัดสรรขาย ให้กับกำลังพลกองทัพบกเหมือนกัน


และพอเกิดปัญหากำลังพลมาทวงถามเงินทอนส่วนต่างและเงิน 5% ทาง นางสาวเบิร์ด ยอมจ่ายเงินทั้งหมด 3 หลัง ราคากว่าล้านบาทให้กับกำลังพลที่มาซื้อบ้าน เพราะไม่อยากมีปัญหากับกองทัพบก แล้วจะถูกตัดสิทธิ์เข้าโครงการ บ้านอีกกว่า 100 หลังจะขายไม่ได้


ล่าสุดผู้สื่อข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ได้รับการเปิดเผยจาก จ่าเอก (นามสมมติ) พยานปากสำคัญที่เป็นเจ้าหน้าที่เสมียนธุรการของกรมสวัสดิการทหารบก ซึ่งจ่าเอกเป็นคนโอนเงิน 5% เข้าบัญชีหัวหน้าตัวเอง สุดท้ายถูกหัวหน้าหักหลัง โยนบาปให้ ว่า จ่าเอก เป็นคนฉ่อฉลทำธุรกรรมอำพราง เก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ซึ่งตอนนี้จ่าเอกถูกผู้ประกอบการสร้างบ้านขาย ฟ้องร้องด้วย


โดย ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่าคดีนี้จะต้องสอบสวนเส้นทางการเงินแบ่งเป็น 2 ส่วน , ส่วนแรก 5% คือ 75,000 บาท เงินไปถึงใครบ้าง, ส่วนที่สอง เงินทอนส่วนต่างค่าตกแต่งบ้านอีกประมาณ 4 แสนบาท อยู่ที่ใครเก็บไว้ จะต้องดำเนินการเอาผิดทั้งหมด


ส่วนทนายไพศาล บอกว่าตั้งแต่ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเตรียมข้อมูลหาพยานหลักฐานข้อเท็จจริงมานานกว่า 1 เดือน ก็ถูกโทรศัพท์มาข่มขู่และบอกให้ยุติการทำเรื่องดังกล่าว