สังคม
สุดระทึก! กระบะควันดำเมาชนแล้วหนี ซ้ำซิ่งชนวิน จยย.ลากบดถนนไกล 1 กม. อ้างตกใจ
โดย chutikan_o
9 ส.ค. 2565
67 views
เมาแล้วขับอีกแล้ว! หนุ่มเมาขับกระบะชนแล้วเหยียบมิดหนีความผิด ก่อนขับชนวินมอเตอร์ไซค์อีก อ้างตกใจ ลากบดถนนไปไกลกว่า 1 กม. คนขี่ จยย.กระโดดพ้นรถรอดตายหวุดหวิด
พลเมืองดีบันทึกภาพบันทึกเหตุการณ์นาที กระบะสีขาวขับชนท้ายมอเตอร์ไซค์ บนถนนสายรัตนราช อำเภอบางบ่อ สมุทรปราการ แล้วลากไปตามถนนเสียงดังลั่น ท่ามกลางความตื่นตกใจของผู้พบเห็น โดยพลเมืองดีรีบแจ้งตำรวจ สภ.บางบ่อ เข้าระงับเหตุ พร้อมขับรถติดตามกระบะสีขาวคันดังกล่าวไป ไล่ตามเกือบ 1 กิโลเมตร ก่อนจะช่วยกันจับตัวไว้ได้ที่สะพานข้ามคลองสำโรง ถนนสายเลี่ยงเมืองบางบ่อ
จากนั้นตำรวจได้เรียก นายกิติคุณ อายุ 53 ปี คนขับรถกระบะคันก่อเหตุลงมาพูดคุย ก็ยอมรับว่าก่อเหตุชนและลากมอเตอร์ไซค์มาจริงเพราะตกใจ ซึ่งก่อนหน้านี้เพิ่งไปชนท้ายกระบะกลางถนนเทพรัตน แล้วหลบหนีมา โดยถูกผู้เสียหายขับไล่ตามมาด้วยความเร็ว จึงรีบหนีจนมาเกิดเหตุซ้ำซ้อน
ด้านนายสัมฤทธิ์ อายุ 58 ปี วินมอเตอร์ไซค์ที่ถูกชน บอกว่า ตอนนั้นกำลังจะเอาของไปส่ง จู่ๆ ถูกชนท้ายอย่างจังแบบไม่รู้ตัว หันไปดูอีกทีเห็นท้ายรถพังไปครึ่งคันแล้ว เมื่อมองดูคนขับเห็นว่าสภาพเขาไม่ปกติ ก็เดาไว้ก่อนว่าเมาแน่นอน จึงพยายามพาตัวเองออกจากรถให้ได้ก่อน พอตัวเองหลุดจากรถได้ กระบะคันดังกล่าวก็เข้าเกียร์ขับหนีไปเลย ทั้งๆ ที่รถของตนก็คาอยู่ด้านหน้า ได้แต่คิดว่า จะเอารถไปไหน พอตั้งสติได้ก็ขอให้วินมอเตอร์ไซค์พาขี่ตามไปดู
ขณะที่เจ้าของรถกระบะที่ถูกชนคันแรกก็ตามมาในที่เกิดเหตุด้วย พร้อมบอกว่า ขณะขับอยู่บนเทพรัตนช่วง กม.8 จังหวะที่มองกระจกหลัง เห็นรถกระบะสีขาวคันนี้ขับมาด้วยความเร็วและส่ายไปมา จึงยกคันเร่งออกเพื่อให้กระบะคันสีขาวขับแซงไป แต่เขาไม่แซง กลับมาชนท้ายอย่างจัง ชนเสร็จก็ถอยหลังแล้วขับหนีไปเลย ตนจึงรีบขับรถตาม พร้อมโทรแจ้งตำรวจ โดยรถคันดังกล่าวเลี้ยวเข้าตลาดบางบ่อ ก่อนจะพุ่งชนมอเตอร์ไซค์ แล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปตามคลิป
ด้านตำรวจ สภ.บางบ่อ เผยว่า จากการตรวจสอบ นายกิติคุณ มีอาการเมาสุรา เมื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด สูงถึง 283 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น จึงคุมตัวดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับ และขับรถประมาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สุดท้ายเหตุการณ์นี้จบลงด้วยดีเพราะภรรยาและลูกสาวของผู้ก่อเหตุ มาเจรจารับผิดชอบผู้เสียหาย โดยลุงวินมอเตอร์ไซค์เรียกค่าเสียหายไป 15,000 บาท เท่านั้น เพราะสงสารภรรยาผู้ก่อเหตุ
