กรมทางหลวงขอโทษปชช. ปูนสะพานกลับรถ ถ.พระราม 2 หล่นทับ เร่งหาสาเหตุ ยันเยียวยาเต็มที่

อุบัติเหตุสะเทือนขวัญ คานสะพานกลับรถที่อยู่ระหว่างปิดซ่อมบำรุงหนักกว่า 5 ตัน หล่นใส่รถยนต์ด้านล่าง ทับรถเก๋งขาด 2 ท่อน เสียชีวิต 2 ราย ด้าน “อธิบดีกรมทางหลวง” ขอโทษประชาชน เร่งหาสาเหตุ พร้อมเยียวยาผู้สูญเสียเต็มที่



ภาพจากกล้องหน้ารถ เผยให้เห็นนาทีอุบัติเหตุ ขณะรถวิ่งอยู่บนช่องทางด่วนถนนพระราม 2 ฝั่งขาเข้า จู่ ๆ คานสะพานกลับรถก็ร่วงลงมาใส่รถที่วิ่งอยู่ด้านล่าง สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับคนที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณหน้าโรงพยาบาลวิภาราม กม.ที่ 34 ตำบลบางกระเจ้า อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อช่วง 2 ทุ่มครึ่งวานนี้



หลังเกิดเหตุตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร พร้อมกู้ภัยเข้าพื้นที่ทันที พบรถยนต์เสียหาย 3 คัน คันแรกเป็นเก๋งเชฟโรเลต ทะเบียน ชธ 6271 กรุงเทพมหานคร ถูกแผ่นปูนความยาวกว่า 10 เมตร น้ำหนักราวๆ 5 ตัน หล่นลงมาทับทั้งคันจนรถขาดท่อน ทำให้ น.ส.สุวรรณี อายุ 41 ปี นั่งอยู่ข้างคนขับ เสียชีวิตติดในรถ ส่วนคนขับได้รับบาดเจ็บ



คันที่สองเป็นรถกระบะ ยี่ห้ออีซูสุ ดีแมกซ์ ทะเบียน 3 ฒธ 5940 กรุงเทพมหานคร ถูกแผ่นปูนทับหน้ารถ โดยคนขับและผู้โดยสารในรถปลอดภัย และคันที่สามเป็นรถบรรทุกน้ำมันดีเซล ถูกคานหล่นใส่ช่วงท้ายรถ เคราะห์ยังดีที่ไปลงน้ำมันให้กับลูกค้าเรียบร้อยแล้ว



นอกจากนี้ยังมีคนงานที่กำลังทำงานอยู่บนสะพานกลับรถ ตกลงมาพร้อมกับคานปูน ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 คน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร 1 คน คือ นายชาญ อายุ 48 ปี ชาวอุบลราชธานี เหตุการณ์นี้นอกจากจะสร้างความสะเทือนขวัญให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ยังทำให้การจราจรติดขัดเป็นทางยาวหลายกิโลเมตร



หลังเกิดเหตุกู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่าง เข้าช่วยเหลือนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากซากรถ ใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง จึงนำร่างออกมาได้ จากนั้นประสานรถเครนให้มายกแผ่นปูนออก ระหว่างนั้นพ่อแม่ของ น.ส.สุวรรณี ผู้เสียชีวิต เดินทางมาถึง เมื่อเห็นร่างของลูกสาวก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจ



น.ส.ทิพานันท์ อายุ 30 ปี ซึ่งนั่งอยู่ในรถกระบะคันที่ถูกคานปูนทับหน้ารถ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนเองพร้อมครอบครัว ซึ่งมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวม 5 คน กำลังขับรถกลับบ้าน หลังจากไปขายของเล่นที่วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม ตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีรถกลับเข้ากรุงเทพฯ จำนวนมาก ทำให้รถเคลื่อนตัวได้แบบช้า ๆ ชะลอตัว กระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุ จู่ ๆ แผ่นปูนก็หล่นลงมาใส่รถเก๋งกับรถของตน โชคดีที่รถตนนั้นถูกเพียงแค่ด้านหน้ารถ และคนในรถปลอดภัยทั้งหมด เหตุการณ์นี้สร้างความหวาดกลัวให้กับทุกคนในรถเป็นอย่างมาก



ขณะที่คนขับรถบรรทุกน้ำมัน เล่าว่า ตอนขับรถผ่านสะพานกลับรถ เห็นคนงานทำงานอยู่บนสะพาน ตอนขับลอดใต้สะพานไปก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ แต่พอคล้อยหลังนิดเดียว รู้สึกเหมือนว่าด้านหลังรถ โดนวัตถุบางอย่างกระแทกอย่างแรงจนสะเทือนไปทั้งคัน และยังได้ยินเสียงดังโครม จึงจอดรถแล้วหันกลับไปมอง ก็เห็นรถเก๋งที่ขับตามหลังมาถูกแผ่นปูนหล่นมาทับใส่ทั้งคัน รถของตนเสียหายตรงถังใส่น้ำมัน โชคดีที่เพิ่งเอาน้ำมันดีเซลไปลงให้ลูกค้า มิเช่นนั้นอาจเกิดเหตุใหญ่ซ้ำซ้อน



หลังเกิดเหตุ นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ลงพื้นที่มาติดตามเหตุการณ์ โดยสั่งปิดการจราจรในช่องทางด่วนจุดที่เกิดเหตุทันที พร้อมสั่งการผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งหาสาเหตุ พร้อมเยียวยาผู้สูญเสียและผู้บาดเจ็บ



สำหรับสะพานกลับรถตัวนี้อยู่ระหว่างปิดซ่อมบำรุง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา มีกำหนดเปิดใช้วันที่ 31 สิงหาคมนี้ เนื่องจากสะพานมีอายุการใช้งานมานาน อีกทั้งก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุรถบรรทุกน้ำมันระเบิด และมีไฟลุกไหม้ขึ้นบนสะพาน ประกอบกับมีรถบรรทุกขนาดใหญ่ใช้สะพานเป็นจำนวนมาก จนทำให้โครงสร้างบนสะพานชำรุดเสียหาย จนเหล็กเส้นโผล่ เคยมีรถมอเตอร์ไซค์สะดุดเหล็กเส้นจนตกสะพานเสียชีวิตมาแล้ว



เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวไปที่จุดเกิด พบว่า เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงได้นำเชือกแดงมากั้นพื้นที่ เป็นเขตอันตรายห้ามผู้ใดเข้าไปบริเวณใกล้เคียง โดยในพื้นที่มีการเก็บคานออกจากพื้นถนนเรียบร้อยแล้ว



ขณะที่การจราจรบนถนนพระราม 2 บริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ติดขัดทุกช่องทาง ทั้งขาเข้าและขาออก เนื่องจากยังต้องปิดการจราจรในช่องทางด่วน ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ห้ามรถวิ่งผ่าน เพื่อความปลอดภัย



ขณะเดียวกันในช่วงสาย มีแม่ของนายชาญ คนงานที่เสียชีวิต เดินทางมาจากอีสาน มาเชิญวิญญาณลูกชายที่จุดเกิดเหตุ จากนั้นไปรับศพลูกที่นิติเวช รพ.ตำรวจ ก่อนนำไปบำเพ็ญกุศลยังบ้านเกิด ที่อำเภอโขงเจียม อุบลราชธานี โดยแม่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ บอกเพียงว่า ขอรับลูกกลับบ้านก่อน





ล่าสุด นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ได้ออกมาขอโทษประชาชน เตรียมตั้งกรรมการตรวจข้อเท็จจริงว่า เกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่หรือไม่ แต่ขอดูสาเหตุที่แท้จริงก่อน ยืนยัน พร้อมเยียวยาผู้เสียชีวิตเต็มที่