หนุ่มรู้สึกไม่เป็นธรรม เก๋งป้ายแดงเมาปาดหน้า ชักปืนขู่ ตร.เอาผิดแค่พกพาอาวุธ หวั่นเป็นผู้มีอิทธิพล

มีผู้ชายคนหนึ่งร้องขอความเป็นธรรม หลังรถเก๋งซีอาวีป้ายแดง มึนเมาขับปาดหน้า ชักปืนขู่ ผู้เสียหายเข้าแจ้งความแต่คดีไม่คืบ

เพจอยากดัง เดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 2 โพสต์คลิปวิดีโอรถ เก๋ง ซีอาวีป้ายแดง ชักปืนขู่กลางถนนกาญจนภิเษกตรงข้ามห้างเซ็นทรัลเวสเกต โดยระบุว่า รถเก๋งฮอนด้าซีอาวีมีพฤติกรรมขับปาดหน้า เมาแล้วขับ พร้อมหยิบกระเป๋าคาดอกนำปืนออกมาข่มขู่

ไปแจ้งความดำเนินคดี ปรากฏว่าตำรวจตั้งข้อหาเพียงพกอาวุธปืนอย่างเดียวไม่มีการตรวจแอลกอฮอล์ ไม่ตั้งข้อหาข่มขู่เข้าไปในสำนวน

พร้อมคลิปวิดีโอความยาว 11 วินาที เหตุการณ์เกิดขึ้นบนถนนกาญจนาภิเษกโดยผู้ถ่ายคลิปกำลังขับรถยนต์และถ่ายคลิปวิดีโอไปที่รถฮอนด้าซีอาวีป้ายแดง ขณะนั้นผู้ขับรถฮอนด้าซีอาวีลดกระจกลง แล้วนำอาวุธปืนชี้มาทางผู้ถ่ายคลิปหลังจากคลิปถูกตัดไป

ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์นาย สิทธิกร ปรักกัมนนท์ลงพื้นที่ พบนาย ณัฐพล ปิยะนันทกุล อายุ 38 ปี ผู้ร้องทุกข์ เปิดเผยให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 19.40  น. ตนขับรถยนต์มาบนถนนกาญจนาภิเษกตรงข้ามเซ็นทรัลเวสท์เกต ในขณะที่ตนขับอยู่มีรถฮอนด้าซีอาวีป้ายแดงขับปาดหน้ารถของตน ตนจึงแซงไปจอดด้านหน้าและลงไปสอบถามว่า "ผมทำอะไรให้"

คู่กรณีมีท่าทางมึนเมาและตอบกลับมาว่า "เมา" พร้อมหยิบกระเป๋าคาดอกหยิบปืนออกมาจ่อที่ตน และพูดขึ้นว่า "มึงไป ไม่งั้นกูยิง" ทำให้ตนชะงักไปชั่วขณะ แล้วรีบกลับขึ้นรถพร้อมหลบรถด้านซ้ายให้คู่กรณีแซงไป เมื่อพ้นจึงขับรถออกขวาแต่รถคู่กรณีชะลอและนำปืนออกมาขึ้นลำจ่อมาที่รถของตนตามคลิปเหตุการณ์ที่ตนถ่ายไว้ หลังจากนั้นตนพยายามขับรถตามคู่กรณีห่างๆ จนคู่กรณีไปจอดรถหน้าร้านเหล้าแห่งหนึ่ง

ตนโทรแจ้ง 191 พอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงคู่กรณีกลับหลบหนีเข้าหลังร้านเหล้า เจ้าหน้าที่ปิดล้อมอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงจึงสามารถจับกุมตัวได้ หลังจากจับตัวได้ใส่กุญแจมือ คู่กรณีบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า "คุยกับนายผมได้ครับ" จากนั้นเจ้าหน้าที่ปลดกุญแจมือ จับตนและคู่กรณีแยก และให้ไปเจอที่โรงพัก

ผู้เสียหายส่งคลิปวิดีโอให้ทีมข่าวดูในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมนานกว่า 1 ชั่วโมง ตนเดินทางไปที่สถานีตำรวจพร้อมเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า คู่กรณีเมาแล้วขับ ใช้อาวุธปืนข่มขู่ จ่อมาหาตนถึงสองครั้ง เขาข่ายพยายามฆ่าหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่บอกให้รอบันทึกการจับกุมตนรออยู่ 3 ชั่วโมง ปรากฏว่าตำรวจตั้งข้อหาเพียงพกอาวุธปืนอย่างเดียวปรับ 1,500 บาท ไม่มีการตรวจแอลกอฮอล์และไม่ใส่ข้อหาข่มขู่เข้าไปในสำนวน

พอตนขอลงบันทึกประจำวัน เจ้าหน้าที่บอกว่าเครื่องขัดข้อง และให้ตนกลับบ้านไปได้เลย แล้วเดี๋ยวจะนัดมาไกล่เกลี่ยกัน พอถึงวันนัดหมายวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ตนไปพบที่สถานีตำรวจสุดท้ายคู่กรณีไม่มา

ตอนนี้ระยะเวลาผ่านมาครึ่งเดือนแล้วแต่คดียังไม่คืบหน้า จึงรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมกับหน่วยงานของตำรวจ คล้ายกับพยายามยืดเวลาออกไปให้ตนตามคดีจนเหนื่อยไปเอง ตนเป็นเพียงบุคคลธรรมดาคนหนึ่ง หากคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นนทบุรี ในเมื่อกฎหมายทำอะไรไม่ได้ ตนจึงเป็นห่วงความปลอดภัย