สังคม

อุกอาจ ไอ้โม่งบุกเดี่ยวงัดบ้าน ยกตู้เซฟ กวาดทรัพย์สินไปได้กว่า 1.3 แสน

โดย passamon_a

7 พ.ค. 2565

38 views

คนร้ายอุกอาจ สวมไอ้โม่งบุกเดี่ยวงัดบ้าน ยกตู้เซฟ กวาดทรัพย์สินไปได้กว่า 1.3 แสน มีทั้งเงินสดและสร้อยคอทองคำ เจ้าของบ้านวอนตำรวจเร่งล่าตัว หวั่นจะตระเวนก่อเหตุซ้ำอีก และขอให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย


วันที่ 6 พ.ค.65 ที่ จ.สงขลา ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก น้องทา เย็นตาโฟ กฤติกรธนโชติ โพสต์ภาพวงจรปิด และข้อความเตือนภัย หลังจากที่บ้านพักขอตนเองถูกโจรงัดบ้าน บุกเข้าไปขโมยทรัพย์สินมีค่าไปได้จำนวนมาก และต้องการให้ชาวบ้านเพิ่มความระมัดระวังเอาไว้ด้วยนั้น


ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อและเดินทางไปยังบ้านหลังเกิดเหตุ และพบกับผู้โพสต์คือ นางภัทรญา กฤติกรธนโชติ อายุ 47 ปี และ นายชาญณรงค์ พรพิริยะพงษ์ สองสามีภรรยา ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านพักหลังเกิดเหตุ เลขที่ 14 ถ.เทศบาล 26 ซ.5 ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเปิดหน้าบ้านเป็นร้านขายของชำ ตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ และร้านขายก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ


สอบถาม นางภัทรญา เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงประมาณ 03.15 น. ของวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีคนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมเสื้อแขนสั้นสีดำ กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน และคลุมหัวคล้ายไอ้โม่ง บุกเข้ามาขโมยทรัพย์สินของมีค่าภายในบ้านไปหลายรายการ


โดยคนร้ายรายนี้ใช้วิธีเดินเลียบมาทางข้างบ้านด้านขวา เพื่อไปยังประตูหลังบ้าน และใช้ไขควงงัดประตูลูกบิดจนสามารถเปิดประตูหลังได้ แต่ในวันนั้นตนลืมล็อคกุญแจประตูเหล็กชั้นใน คนร้ายจึงสามารถเข้ามาในบ้านได้อย่างไม่ยาก


หลังจากนั้นก็เริ่มรื้อค้นหาทรัพย์สินในบ้าน โดยจุดแรกคนร้ายได้คลานเข่าเข้าไปดูในห้องนอนด้านหน้าที่เปิดประตูแง้มเอาไว้ โดยนอนกันอยู่ 3 คน คือ ตน ลูกชายวัย 13 ปี และ แม่อายุ 90 ปี ส่วนสามีนั้นนอนอยู่อีกหลังที่เปิดเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ เพราะต้องคอยเฝ้าของในร้านด้วย


ซึ่งในห้องนี้คนร้ายคลานเข้าออกค้นหาทรัพย์สิยอยู่นานถึง 5 ครั้ง และได้ตะกร้าที่ภายในมีเงินสดอยู่กว่า 20,000 บาท และยังมีเงินสดอีกราว 10,000 บาท ที่วางอยู่อีกมุมในห้อง ส่วนเอกสารต่าง ๆ ที่อยู่ในตะกร้าคนร้ายได้เอาไปทิ้งในห้องน้ำ และใช้น้ำราดใส่จนเปียกไปทั้งหมด แต่ยังโชคดีที่โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในตะกร้า คนร้ายได้ลืมเอาไว้ใต้โต๊ะในห้องครัว ขณะกำลังวุ่นอยู่กับการหาของมีค่าอื่น ๆ


ต่อจากนั้นคนร้ายได้รื้อค้นโต๊ะหน้าบ้านที่เปิดเป็นร้านขายของชำ แต่ไม่ได้ทรัพย์สิน เพราะไม่ได้เก็บเงินหรือของมีค่าอะไรเอาไว้ ก่อนที่จะพุ่งเป้าเข้าไปที่ห้องนอนของแม่ที่ไม่ได้ล็อคกุญแจเอาไว้ ก่อนรื้อค้นสิ่งของที่อยู่ภายในเอามากองไว้บนเตียง แต่ไม่ได้อะไร


จากนั้นจึงพุ่งเป้าไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของแม่ที่ล็อคอยู่ โดยไปหยิบเอามีดพร้าในบ้านมางัดตูเสื้อผ้า และยกเอาตู้เซฟขนาดเล็กกว้างคูณยาวประมาณ 1 ฟุต ยกออกไปด้วย ซึ่งภายในมีสร้อยคอทองคำ 2 เส้น เป็นสร้อยคอหนัก 2 บาท 1 เส้น และสร้อยคอหนัก 1 บาท อีก 1 เส้น รวมน้ำหนัก 3 บาท และยังมีเงินสดอีกประมาณ 1 หมื่นบาท ด้วย


และปิดท้ายด้วยการขโมยเอาพระที่อยู่บนหิ้งกลางบ้านไปด้วยอีกหลายองค์ ทั้งพระพุทธรูปบูชาหลวงปู่ทวด รุ่นฉลองรัชกาลที่ 9 ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว ราคาประมาณ 4,000 บาท และพระเครื่องต่าง ๆ ที่ได้จากการไปร่วมงานบุญอีกราว 10 เหรียญ หลบหนีไปด้วย โดยไม่ทราบว่าใช้ยานพาหนะชนิดใด เนื่องจากกล้องวงจรปิดจับภาพไม่ได้


สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนร้ายใช้เวลาในในการก่อเหตุไม่ถึง 1 ชั่วโมง ในช่วงเวลาประมาณ 03.15-04.00 น. และกว่าจะทราบเรื่องก็ประมาณ 04.30 น. เพราะตื่นขึ้นมาแล้วเห็นประตู และไฟในห้องนอนของแม่เปิดอยู่ และพบว่ามีทรัพย์สินถูกรื้อค้น จึงเรียกสามีที่นอนอยู่อีกหลังมาดู ตรวจสอบทรัพย์สิน รวมทั้งแจ้งตำรวจ โดยทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปนั้น มีมูลค่ารวมกว่า 130,000 บาท


ส่วนในทางคดี ทางผู้เสียหายได้นำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดในบ้านพัก เข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งลุง แล้วในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ และทางตำรวจ รวมทั้งชุดสายตรวจ และชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ


นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ก็ได้เข้าเก็บพยานหลักฐานต่าง ๆ แล้วเช่นกัน โดยเฉพาะมีดพร้าที่คนร้ายใช้งัดตู้เสื้อผ้าในห้องนอน และขโมยเอาตู้เซฟไป ก็ยังถูกวางทิ้งเอาไว้ ซึ่งจะมีการนำไปตรวจหาดีเอ็นเอ และลายนิ้วมือแฝง เพื่อใช้สืบสวนหาตัวคนร้าย และนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป


ทั้งนี้ทางครอบครัวของผู้เสียหายยังได้ขอให้ทางตำรวจเร่งสืบสวนหาตัวหัวขโมยรายนี้ให้ได้โดยเร็ว เพราะเป็นภัยต่อสังคม และอาจจะมีการตระเวนก่อเหตุในพื้นที่ซ้ำอีก รวมทั้งอยากให้ทางตำรวจ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยว และท้องถิ่น ได้ร่วมกันหารือในส่วนที่เกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย เพราะ ปกติในพื้นที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว และการบุกเข้ามาก่อเหตุในครั้งนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีคนชี้เป้า หรือมีผู้ร่วมขบวนการอีกหรือไม่ เพราะลักษณะการก่อเหตุเหมือนกับจะรู้ และมีเป้าหมายที่ชัดเจน และไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย


คุณอาจสนใจ

Related News