ผู้การโคราชสั่งตามตัว หนุ่มในคลิปทวงหนี้โหด ซ้อมสาวประจานลงโซเชียล ย้ำทุกโรงพักกวดขันเงินกู้ผิดกฎหมาย

คลิปภาพหนุ่มทวงหนี้โหด จิกหัวตบ และใช้เท้าถีบหญิงสาวลูกหนี้ แถมประจานว่อนโซเชียล ล่าสุดผู้การโคราชสั่งชุดสืบสวนติดตามหาตัวชายในคลิปแล้ว พร้อมกำชับทุกโรงพักดูแลกวดขันผู้ประกอบการปล่อยเงินกู้รายวัน

สมาชิกผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อว่า ชื่อ เต้ยครับ ด่านขุนทด ได้โพสต์ภาพถ่ายของหญิงรายหนึ่งถือบัตรประจำตัวประชาชน และภาพโปรไฟล์ของหญิงสาวรายดังกล่าว พร้อมกับระบุข้อความว่า อีหมอนี้มันเป็นลูกใคร มันกล้าตอแหลกู เจอกันนะน้อง ใครรู้จักมัน บอกมันโอนเงินก่อนถึงตัว ซึ่งหลังจากได้โพสต์ภาพไปไม่นาน ก็มีคลิปภาพเหตุการณ์ชายคนหนึ่งใช้กำลังตบตี จิกผม และใช้เท้าถีบหญิงสาวคนหนึ่งแชร์ว่อนในโลกโซเชียล โดยที่หญิงสาวคนดังกล่าวไม่ได้ต่อสู้อะไร แต่เมื่อฟังจับใจความภาพในคลิปทราบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการติดตามทวงหนี้ โดยหญิงสาวรายดังกล่าวไม่ยอดจ่ายหนี้ให้กับชายในคลิป จนทำให้ชายที่เป็นเจ้าหนี้ต้องขับรถออกตามหาตัวจนเจอ และลงมือทำร้ายร่างกายหญิงสาวคนดังกล่าว

ทั้งนี้จากตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงในพื้นที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา โดยผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังหนุ่มเจ้าหนี้เงินกู้ และหญิงลูกหนี้ที่ถูกทำร้าย แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ทั้งคู่

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พลตำรวจตรีพรชัย นลวชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากคลิปชายทวงหนี้ที่ปรากฏในโลกโซเชียล ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามหาตัวชายในคลิปแล้ว และคาดว่าจะได้ตัวเร็วนี้ๆ พร้อมกันนี้ตนได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทั้ง 32 อำเภอ ให้ดูแลกวดขันผู้ประกอบการปล่อยเงินกู้รายวัน หากพบมีการกระทำผิดกฎหมายให้สอบสวนจับกุมดำเนินคดีทันที เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการซ้ำเติมประชาชนในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม การปล่อยเงินกู้ ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย หากผู้ให้กู้เงินเรียกดอกเบี้ยไม่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด แต่หากมีการคิดดอกเบี้ยเกินก็จะผิดกฎหมายทันที โดยกฎหมายบัญญัติไว้ว่า การเรียกเก็บดอกเบี้ย ต้องไม่เกินร้อยละ 15 บาทต่อปี หรือไม่เกินร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน เพราะฉะนั้นการที่เจ้าหนี้ขูดรีดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นความผิดทางอาญา มีโทษทั้งจำทั้งปรับ โดยโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นต้องตรวจสอบดูว่า มีการเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากฎหมายกำหนดหรือไม่ และมีการทวงหนี้แบบใด เป็นธรรมกับผู้กู้หรือไม่ ก่อนจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป