สังคม

สาวขอผ่อนจ่าย 3 ปี หลังแอบถอนเงินยาย 2.7 ล้าน ยันไม่ได้โกง บอกยายให้รู้ทุกครั้งที่ถอน

โดย thichaphat_d

23 มี.ค. 2565

1.3K views

จากกรณี น.ส.เที่ยง ประชุมสาร อายุ 81 ปี เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา หลังขายที่ดินที่เป็นมรดกตกทอดจากพ่อแม่ จำนวน 11 ไร่ 2 งาน 10 ตารางวา อ.พุทธบาท จ.สระบุรี ในราคา 2,700,000 บาท เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2563




และได้เรียก น.ส.รสสุคนธ์ หรือ โบว์ ซึ่งรู้จักกันและเคยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ให้มาทำธุรกรรมในการขายที่ดิน และช่วยนำเงินจำนวนดังกล่าวไปฝากธนาคาร ซึ่ง น.ส.โบว์ ได้พายายเที่ยง ไปเปิดบัญชี คือ ธนาคาร TMB สาขาพระพุทธบาท ชื่อบัญชี น.ส.เที่ยง ประชุมสาร จำนวนเงิน 2,200,000 บาท และบัญชีธนาคารออมสิน สาขาพระพุทธบาท ชื่อ น.ส.เที่ยง ประชุมสาร จำนวนเงิน 500,000 บาท




หลังจากนั้นปรากฏว่า น.ส.โบว์ ได้สมัครแอปพลิเคชั่น กับบัญชีทั้งสอง แล้วทำการถอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร TMB จำนวน 2,195,000 บาท และทำการถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารออมสิน จำนวน 500,000 บาท โดยยายเที่ยงไม่ทราบว่ายอดเงินถูกเบิกจนหมด นอนกอดสมุดบัญชีว่างเปล่ามานานกว่า 2 ปี




ยายเที่ยงได้สอบถาม น.ส.โบว์ ยอมรับว่า เป็นผู้ถอนเงินออกไปจากบัญชีจริง และจะทยอยคืนเงินให้ แต่ก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จึงได้มาร้องทุกข์กับทนายโป้ง เพื่อให้ช่วยเหลืออยากได้เงินคืน เหตุเกิดหมู่บ้านป่าแหน ม.10 ต.หนองโดน อ.หนองโดน จ.สระบุรี




ล่าสุด วันที่ 22 มี.ค.65 เวลา 18.00 น. ที่สำนักงานทนายความชมรมจิตอาสา ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา พร้อมด้วย น.ส.เที่ยง ประชุมสาร อายุ 81 ปี และ น.ส.รสสุคนธ์ หรือ โบว์ ได้นัดเจรจาพูดคุยกันเพื่อจะผ่อนชำระเงิน ที่ทาง น.ส.โบว์ แอบเบิกเงินของคุณยายเที่ยง ไปเป็นจำนวนเงิน 2,700,000 บาท จนหมดบัญชี โดยมีการเจรจาพูดคุยกันนานกว่า 2 ชั่วโมง




ผลสรุปว่าทาง น.ส.โบว์ จะชดใช้เงินเต็มจำนวน โดยขอผ่อนจ่าย 4 เดือน แรกเดือนละ 5 หมื่นบาท โดยเริ่มจ่ายตั้งแต่สิ้นเดือนเมษายน 2565 จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม รวมเป็นเงิน 2 แสนบาท ส่วนที่เหลืออีก 2 ล้าน 5 แสนบาท จะผ่อนจ่ายให้ครบภายใน 3 ปี

ถ้าไม่ทำตามข้อตกลง ยายเที่ยงสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ทันที หลังการเจรจาตกลงกัน ทางทนายโป้ง ได้พายายเที่ยง และ น.ส.รสสุคนธ์ เดินทางไปลงบันทึกประจำวันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน




น.ส.โบว์ เล่าว่า ยายขายที่ประมาณ 2.7 ล้านบาท ได้บอกว่าจะแบ่งเงินให้ตนจำนวน 1.5 ล้านบาท ตอนไปทำธุรกรรมทางการเงินก็ไปด้วยกันตลอด ซึ่งยายเที่ยงรับรู้ทุกครั้ง และยายก็แบ่งเก็บไว้ในธนาคาร ส่วนเงินที่แบ่งให้ตนเพราะว่ายายเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก และจะให้เงินตนไปซื้อบ้าน ซึ่งตนก็มีหนี้สิน ในส่วนที่ให้มาก็จะเอามาใช้หนี้ เวลาตนจะขอเงินยายจะโทรหาและตนจะไปรับ เพื่อให้ยายเบิกให้ ตนเบิกเองไม่ได้ ต้องให้ยายเซ็นชื่อเบิกเงิน

ต่อมาเพื่อความสะดวกในการเบิกเงิน ตนได้ติดตั้งแอปธนาคารในโทรศัพท์มือถือ ยายก็ตกลงเพราะว่าจะสะดวกในการกดหรือโอนเงิน เพราะตนยอมรับว่าขอเงินยายบ่อยครั้ง และไม่สะดวกไปเบิกที่ธนาคาร ปีที่แล้วยายมีปัญหาเรื่องที่อยู่เก่า ตนจึงรับยายมาอยู่กับตนที่บ้านพ่อ

ส่วนเงินที่เอามาคือตนนำมาใช้หนี้ ลงทุน จะเอาเงินตรงนี้มาหมุนใช้ เพราะยายก็รับทราบดี ซึ่งตอนแรกยายไม่อยากให้ พี่น้องยายรู้ว่าเงินไม่เหลือในบัญชีแล้วเพราะให้ตนมา ตนก็คอยปิดบังมาตลอด ตนจึงบอกให้ยายบอกทางบ้านไปว่าตนเอาเงินมาแล้ว

ตอนนี้ตนก็จะผ่อนจ่ายให้ในส่วนที่ตนเอาเงินมาคือ 2.7 ล้าน ซึ่งยายก็รู้ว่าตนเอาเงินมาใช้ และให้ตนเก็บสมุดบัญชีธนาคารไว้ ซึ่งหลังจากทำแอปมา ตนจะใช้เงินก็จะโทรบอกยายตลอด และยายก็ไม่ได้ไปอัพเดทสมุดเลย ตนจึงมีการคุยกันกับทางญาติยายมาโดยตลอด ว่าตนเบิกเงินมาใช้

คุณอาจสนใจ

Related News