ยึด 'ยาอี' ซุกพัสดุ จาก 'เยอรมัน' เตรียมส่งไป 'ลาว' มูลค่า 50 ล้านบาท

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 มกราคม ที่จุดตรวจคัดไปรษณีย์ภัณฑ์ ศูนย์ไปรษณีย์กรุงเทพฯ หัวลำโพง สกท. กรมศุลกากร นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร แถลงข่าวการตรวจยึดยาอี นำเข้ามาจากเยอรมนี เพื่อผ่านแดนไป สปป.ลาว จำนวน 50,290 เม็ด มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท


นายชัยยุทธ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 มกราคม สำนักงานศุลกากรกรุงเทพและกองสืบสวนและปราบปราม พบพัสดุต้องสงสัยจากการขนส่งทางเรือ จำนวน 2 หีบห่อ โดยสำแดงเป็นช็อกโกแลต และเมล็ดกาแฟ ต้นทางจากประเทศเยอรมนี เพื่อผ่านแดนไปยังสปป.ลาว จึงทำการวิเคราะห์ความเสี่ยง และเอ็กซ์เรย์กล่องพัสดุดังกล่าว

จากนั้นทำการเปิดตรวจสอบ ร่วมกับพนักงานบริษัทไปรษณีย์ไทย พบว่า พัสดุหีบห่อแรกที่สำแดงเป็นกาแฟนั้น เป็นยาอี 7 ถุง น้ำหนักรวม 8.3 กก. ส่วนพัสดุหีบก่อที่สองนั้น มียาอี 12 ถุง น้ำหนักรวม 15 กก. ซุกซ่อนอยู่กับกาแฟและช็อคโกแล็ต น้ำหนักรวมทั้งหมด 23.5 กก.

ซึ่งทั้งสองหีบห่อแสดงชื่อผู้ส่งเดียวกัน โดยเป็นชื่อบุคคล ส่วนผู้รับเป็นชื่อบุคคล เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นความผิดฐานนำของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตาม ม. 244 และ ม. 252 แห่ง พรบ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และ พรบ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 โดยได้

นำของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะประสานข้อมูลไปยังประเทศต้นทาง และประเทศปลายทาง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ต่อไป

นายชัยยุทธ ยังกล่าวต่อว่า การตรวจยึดครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตรวจพบว่ายาเสพติดถูกซุกซ่อนอยู่ภายในสินค้าผ่านแดน โดยในช่วงปี 2563 นั้น พบการนำเข้ายาเสพติดเป็นจำนวนมาก และมีจำนวนลดลงในช่วงปี 2564

ส่วนสาเหตุที่ยาเพสติดดังกล่าว ต้องผ่านทางประเทศไทย ก่อนจะไปยัง สปป.ลาว นั้น เนื่องจากยาเสพติดดังกล่าว ถูกส่งออกจากทวีปยุโรป ซึ่งทำการขนส่งทางเรือ แต่สปป.ลาว นั้นเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล จึงต้องมีการผ่านแดนในประเทศไทยก่อน