'ชูวิทย์' แฉต่อเนื่อง ผบก.ตม. 3 คน เรียกรับเงินแลกเปลี่ยนประเภทวีซ่า เอื้อนายทุนจีนสีเทา

คดีกลุ่มจีนสีเทา มีความเคลื่อนไหวทั้งการออกมาเปิดเผยของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และความคืบหน้าในทางคดี นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่แตกออกไป ที่นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบการเสียภาษีของนายชูวิทย์ หลังสองฝ่ายเกิดวิวาทะว่าด้วยกลุ่มจีนสีเทามาอย่างต่อเนื่อง



วันนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแถลงข่าวว่า ต้องมีเจ้าหน้าที่ ตม. เกี่ยวข้องและรู้เห็น เพราะคนจีนเข้ามาไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวอยู่ได้ 30 วัน แต่หากอยากอยู่ต่อต้องไปทำวีซ่าใหม่ คนจีนเหล่านี้จึงใช้วิธีไปสมัครเป็นนักเรียน เป็นอาสาสมัครของมูลนิธิแห่งหนึ่ง เพื่อจะได้วีซ่านักเรียน โดยมี ตม.ทำหน้าที่อนุมัติ ซึ่งเฉพาะแค่ปี 2563 มาขอวีซ่านักเรียนมากถึง 2,847 คน พร้อมนำภาพถ่ายที่ทำการของมูลนิธิมาให้ดู ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่บ้านหลังขนาดนี้ จะมีคนทำงานหรือมาเป็นอาสาสมัครถึง 2,847 คน



จากข้อมูลที่รวบรวมมาได้เมื่อปี 2563-2564 มีคนจีนที่ยื่นขอเปลี่ยนประเภทวีซ่าผ่านมูลนิธิแห่งนี้ 3,325 ราย ซึ่งจำนวนสูงผิดปกติ ขณะสถิติที่ในปี 2565 เป็นต้นมา ไม่พบการยื่นเรื่องเกิน 400 ราย และเมื่อเทียบสัดส่วนมูลนิธิที่แจ้งเปลี่ยนวีซ่าให้กับคนจีนทั้งหมด มูลนิธิแห่งนี้คิดเป็น ร้อยละ 58 จากทั้งหมด นายชูวิทย์ ย้ำว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบมีอำนาจในการเปลี่ยนประเภทวีซ่า คือ ผู้บังคับการ 3 คน จึงต้องรอดูว่า ตำรวจจะกล้าตรวจสอบผู้บังคับการทั้ง 3 คนหรือไม่



ขณะที่ความคืบหน้าทางคดี โดยเฉพาะการตรวจสอบเครื่องบินส่วนตัวของนายตู้ห่าว มีรายงานจาก สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เกี่ยวกับผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ตรวจเก็บดีเอ็นเอ รอยนิ้วมือแฝง พร้อมทั้งใช้เครื่องมือการตรวจหาสารเสพติดประเภทโคเคน ไอซ์ และเมทแอมเฟตามีน แต่ไม่ปรากฏสารเสพติดดังกล่าว



ขณะที่การตรวจสอบรอยนิ้วมือแฝงบนเครื่องบิน ไม่ปรากฏในฐานข้อมูลประวัติบุคคล หรือประวัติอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้นการตรวจดีเอ็นเอ จึงยังไม่จำเป็น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสรุปผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ให้พนักงานสอบสวนภายในสัปดาห์นี้



นอกจากคดีที่เกิดขึ้นในปัจจุบันของนายตู้ห่าวแล้ว วันนี้ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงอัยการสูงสุด ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีอัยการ จ.ภูเก็ต ในขณะนั้นมีคำสั่งไม่ฟ้องนายตู้ห่าว ในคดีจ้างวานเผาสวนงูของคู่แข่งทางธุรกิจ



ขณะเดียวกัน วันนี้ได้มีความเคลื่อนไหวของนายสันธนะ ประยูรรัตน์ แม้ไม่เกี่ยวกับคดีกลุ่มจีนสีเทาโดยตรง แต่การแถลงก็ต้องการให้ตรวจสอบนายชูวิทย์ คู่วิวาทะของเขาในประเด็นกลุ่มจีนสีเทา โดยนายสันธนะได้แถลงเรียกร้องให้กรมสรรพากร ตรวจสอบการจ่ายภาษีของบริษัทในเครือ และธุรกิจอาบอบนวดที่นายชูวิทย์เคยทำมาก่อนหน้านี้