นักวิชาการวิเคราะห์ อนาคต กทม.กับความเสี่ยงจมน้ำทะเล จากการทรุดของแผ่นดิน

กรุงเทพมหานครอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 1 เมตร และมีความเสี่ยงที่จะจมน้ำทะเลในอีกไม่กีปีข้างหน้า สำหรับปัญหามาจาก 3 ปัจจัยหลักคือ การทรุดตัวของแผ่นดิน การเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ติดตามในรายงานชุด กิน อยู่ รู้ คิด เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม วิถีใหม่ โดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์



แนวรั้วไม้ไผ่ลดความแรงคลื่น กล้าไม้โกงกางที่กำลังเติบโตที่ชายทะเลบางขุนเทียน คือความพยายามของกรุงเทพมหานคร ที่จะทวงคืนผืนดินจากธรรมชาติหลังถูกน้ำทะเลกัดเซาะไปกว่า 3,000 ไร่



รายงานการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล ด้วยข้อมูลดาวเทียมวัดระดับน้ำทะเล โดย ผศ. Marc Naeije (มาร์ค นาเย่) จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งเดลฟ์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เผยแพร่เมื่อปี 2556 ได้วิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมวัดระดับน้ำทะเลบริเวณประเทศไทย พบว่า ระดับน้ำทะเลบริเวณอ่าวไทยสูงขึ้น



นาวาเอกสมมาตร์ เนียมนิล อาจารย์ประจำสาขาวิชาการจัดการสาธารณภัย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสุขภาพ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ในโครงการวิจัย การประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียมและข้อมูลจีพีเอส ในการศึกษาการทรุดตัวของแผ่นดินและน้ำทะเลท่วมกรุงเทพมหานครพบว่า ระดับน้ำทะเลบริเวณอ่าวไทยกำลังขยับตัวสูงขึ้นระหว่าง 5 – 6 มิลลิเมตรต่อปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3 มิลลิเมตรต่อปี



ส่วนผลการศึกษาการทรุดตัวของแผ่นดิน โดยใช้เทคนิคการประมวลผลภาพจากดาวเทียมเรดาร์ โดย ผศ.ดร.อนุเผ่า อบแพทย์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า การทรุดตัวของแผ่นดินบริเวณกรุงเทพมหานครอยู่ในช่วง 15 –25 มิลลิเมตรต่อปี โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฝั่งตะวันออก และชายทะเลบางขุนเทียน ซึ่งอาจารย์อนุเผ่าระบุว่า แม้ตัวเลขการทรุดตัวของกรุงเทพอาจไม่สูงมาก แต่หากไม่มีแผนแก้ไขปัญหาจากข้อมูลที่มีอยู่ตั้งแต่วันนี้ การแก้ไขปัญหาในระยะยาวอาจจะยาก รวมทั้งเสนอว่าการแก้ปัญหาทางด้านวิศวกรรมต้องทำควบคู่กับความรู้ด้านวิทยาศาสตร



สำหรับข้อเสนอจากงานวิจัยเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาแผ่นดินทรุดตัวและน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร ในช่วง 2562 ถึง 2572 มี 2 แนวทางประกอบด้วยแนวทางในเชิงรับ ได้แก่การสร้างเขื่อนป้องกันการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลบริเวณชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย ในลักษณะเดียวกับของประเทศเนเธอร์แลนด์ และแนวทางในเชิงรุก ได้แก่ ย้ายหน่วยงานราชการรัฐวิสาหกิจ หน่วยการศึกษา เช่น โรงเรียนและมหาวิทยาลัย จากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขึ้นไปยังบริเวณที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว เช่น สระบุรี นครราชสีมา