ยังกองอยู่ที่เดิม! ขยะสารเคมี เหตุไฟไหม้โรงงานรีไซเคิล ขนย้ายไม่เสร็จตามเป้า

กรณีไฟไหม้โรงงานแวกซ์กาเบ็จ รีไซเคิลเซนเตอร์ อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในฐานะ ผู้ออกใบอนุญาต มีคำสั่งให้โรงงานย้ายกากขยะสารเคมีออกไปให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โดยมีบริษัทเอกชน 2 ราย ดำเนินการขนย้ายให้ แต่ปรากฎว่า ถึงวันนี้การขนย้ายดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จตามเป้าหมาย และวันนี้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้าไปตรวจสอบในโรงงานนี้อีกครั้ง ก็พบซากขยะสารเคมียังกองอยู่เดิม ขณะเดียวกัน ผู้ตรวจการแผ่นดินกระบุว่าจะเร่งรัดการเยียวยาทั้งในระยะเร่งด่วนและปัญหาเชิงโครงสร้างที่เรื้อรังมาหลายสิบปี คุณมนตรี อุดมพงษ์ เกาะติดเรื่องนี้มีรายละเอียดครับ

หนึ่งในภารกิจที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมรองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และเจ้าหน้าที่อีกหลายฝ่ายลงพื้นที่วันนี้ คือการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่โรงงานแวกซ์ กาเบจ รีไซเคิลเซนเตอร์ซึ่งเกิดเพลิงไหมโรงงาน 3 หลัง ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา และหลังจากนั้นก็มีคำสั่งจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ให้เคลื่อนย้ายกาก ขยะสารเคมี เหล่านี้ที่ตกค้างออกไป แยกเป็นกากขยะจากโรงงานที่เกิดเพลิงไหม้ต้องขนย้ายให้แล้วเสร็จภายใน 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา และส่วนที่เหลือทั้งหมดให้ ทะยอยขนย้ายออก ไปตามแผน


แต่การลงพื้นที่วันนี้กลับปรากฎว่ายังมีถังกากขยะเคมีที่ถูกเพลิงไหม้และยังเหลืออยู่ตกค้างอยู่จำนวนมาก เช่นเดียวกับเศษโครงสร้างอาคาร และถังเปล่าที่ถือเป็นกากขยะปนเปื้อน ก็ยังคงอยู่ ซึ่งไม่เป็นไปตามแผนการขนย้ายเพื่อลดผลกระทบจากสารเคมีที่อาจต้องค้า

ก่อนหน้านี้ที่มีการขนย้ายกากขยะสารเคมีดังกล่าว ดำเนินการโดยบริษัทเบตเทอร์เวิล์ด กรีน รับผิดชอบขนย้ายดินปนเปื้อนสารเคมี ราว 100 ตัน ลำเลียงไปบำบัดที่จังหวัดสระบุรี และอีกโรงงานคือเอกอุทัย รับลำเลียงภาชนะ น้ำที่ปนเปื้อนสารเคมี ออกไปกำจัดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา // ขณะที่ข่าว 3 มิติ ได้ข้อมูลเบื้องต้น การดำเนินการขนย้ายดินปนเปื้อนไปกำจัด ได้ดำเนินการครบตามข้อตกลง แต่กรณีบริษัทเอกอุทัย ที่มาขนย้ายกากขยะไปทำลายหรือรีไซเคิลนั้น ข่าว 3 มิติมีข้อมูลว่าถูกให้ระงับการทำงานก่อน เพราะบริษัทอาจมีปัญหาเรื่องใบอนุญาตการประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับการขนย้าย และรีไซเคิลขยะ จึงต้องระงับไว้ก่อน


กรณีดังกล่าวเป็นหนึ่งในประเด็นที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งลงพื้นที่วันนี้ระบุว่าต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐหลายส่วน โดยเฉพาะหากโรงงานไม่ให้ความร่วมมือ ในการบำบัดฟื้นฟู เยียวยา แก้ไข ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายทุกฉบับที่มี


ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยังนำเจ้าหน้าที่เข้าไปติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวตำบลน้ำพุ อ.เมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกันกับที่ตั่้งโรงงานที่อยู่ตำบลรางบัว อ.จอมบึง พร้อมระบุว่าพื้นที่มีปัญหาที่ต้องแก้ไขเฉพาะหน้าสองส่วนคือการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ หลังเกิดเพลิงไหม้ รวมถึงความเสียหายทางทรัพยากรธรรมชาติ และอีกส่วนหนึ่งคือการเยียวยา ผลกระทบจากกลิ่น และระบบน้ำใต้ดิน ที่ปนเปื้อนมาหลายสิบปี จำเป็นที่หลายหน่วยงานต้องมาร่วมแก้ไข


มีข้อมูลว่า ตอนนี้ทั้งกรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาลอยู่ระหว่างประสานเพื่อไปเจาะสำรวจน้ำใต้ดิน ทั้งภายในและภายนอกโรงงานแวกซ์ กาเบจ รีไซเคิลเซ็นเตอร์

เพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำ ขณะที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างกำหนดมาตรการเพื่อลำเลียงกากขยะสารเคมีออกจากโรงงานที่ถูกเพลิงไหม้อีกครั้ง หลังการเคลื่อนย้ายตามคำสั่งเดิมว่าให้แล้วเสร็จภายใน 31 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ยังไม่สำเร็จผล