ชายวัย 41 ร้องอัยการสูงสุด ขอความเป็นธรรม ปมถูกตร.ยัดข้อหาฆ่าคนเมื่อ 8 ปีก่อน

ชายวัย 41 ปี พร้อมภรรยา ตัดสินใจนำเอกสารหลักฐาน เข้าร้องทุกข์และขอความเป็นธรรมกับสำนักงานอัยการสูงสุด หลังถูกตำรวจจับ และอ้างว่าตนเองนั้นถูกยัดข้อกล่าวหา ตกเป็นแพะในคดีฆ่าคนตายในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ทั้งที่ช่วงเกิดเหตุ ถูกควบคุมอยู่ภายในสถานบำบัดยาเสพติด จึงมองว่าเรื่องนี้มีการจัดฉากและสร้างพยานหลักฐานเท็จ โดย 8 ปีที่ผ่านมา เขาปฏิเสธและหาพยานหลักฐานสู้คดีเรื่อยมา จนกระทั่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ครั้งนี้จึงหวังว่าทางอัยการสูงสุดจะไม่ยื่นฎีกาอีก



ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พานายฤทธิชัย เสือเดช วัย 41 ปี พร้อมภรรยา มาร้องขอความเป็นธรรมที่สำนักงานอัยการสูงสุด หลังถูกตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสงครามตามจับ ตกเป็นจำเลยในคดีฆาตกรรม ที่เขาและครอบครัวปฏิเสธ และพยายามพิสูจน์ความจริงมาตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ปี



ก่อนหน้านี้ นายฤทธิชัย ถูกคุมขังในเรือนจำนานถึง 3 เดือน กระทั่งถูกปล่อยตัวหลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง เพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอ แต่ตำรวจยังพยายามเดินหน้าต่อ ทำเรื่องโต้แย้งส่งไปที่อัยการสูงสุด และสั่งฟ้องนายฤทธิชัย ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา



แต่ที่สุด ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้อง นายฤทธิชัย เล่าว่า จุดเริ่มต้นเรื่องนี้ ย้อนกลับไปในวันที่ 20 มิถุนายน 2558 เขาถูกพาไปเข้าค่ายบำบัดยาเสพติดเป็นเวลา 15 วัน แต่ผ่านไปเพียง 3 วัน ตำรวจตามเข้ามาในค่าย กล่าวหาเป็นมือปืนที่เพิ่งไปก่อเหตุยิงคนตาย ทั้งที่ยังถูกกักบริเวณ มีคู่บัดดี้และเจ้าหน้าที่ เป็นพยานช่วยยืนยัน



จากแผนที่ จะเห็นว่าค่ายบำบัดอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุพอสมควร ทางเดียวที่จะหนีออกไปก็คือต้องปีนกำแพง ว่ายน้ำข้ามไปอีกฟาก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่วันนี้ เขาตัดสินใจสวมใส่อุปกรณ์ดำน้ำเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์



ระหว่างถูกตำรวจควบคุมตัว นายฤทธิชัย พยายามร้องขอให้ตรวจคราบเขม่าดินปืน แต่เมื่อดูจากสำนวนกลับไม่ปรากฏหลักฐานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งผลตรวจปลอกและหัวกระสุน เขม่าดินปืน หรือดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุ



รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยืนยันจะตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนผู้ร้อง หวังว่าเรื่องราวของเขา จะเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญในสังคม