สังคม

จี้สอบ “อุตฯ ราชบุรี” ปล่อย รง.รีไซเคิล เจาะทำลายถังขยะสารเคมี หลังเหตุเพลิงไหม้

โดย pattraporn_a

26 มิ.ย. 2565

118 views

มูลนิธิบูรณะนิเวศน์ เรียกร้องตรวจสอบเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง มีส่วนรู้เห็นหรือเพิกเฉยกรณีมีการเจาะทำลายถังขยะสารเคมี ในโรงงานที่รีไซเคิลขยะ ทีจังหวัดราชบุรี ที่เกิดเพลิงไหม้หรือไม่ หลังปรากฎภาพชัดเจนว่ามีการทำให้เกิดการปนเปือนของสารเคมีเพิ่มอีก


ปัญหาของโรงงานรีไซเคิลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดราชบุรี ที่ก่อนหน้านี้ ได้ถูกศาลสั่งให้ฟื้นฟูสารเคมีอันตราย ที่รั่วไหลส่งผลกระทบต่อชุมชน แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดเพลิงไหม้โรงงานดังกล่าวเมื่อ 10 วันก่อน ซึ่งทีมข่าว 3 มิติ ได้ไปติดตามเหตุเพลิงไหม้เป็นระยะ


กระทั่งเมื่อ 2 วันก่อน ทีมข่าวได้พบหลักฐานการทำลายถังสารเคมี หลังเหตุเพลิงไหม้อย่างผิดวิธี ทำให้ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เตรียมรวบรวมหลักฐานความเสียหาย ที่เกิดต่อทรัพย์สินของรัฐและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อฟ้องคดีทางแพ่ง ต่อโรงงานรีไซเคิลขยะ รวมถึงรอผลตรวจคุณภาพน้ำและดิน เพื่อนำไปดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม และ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย


ภาพการเจาะทำลายถังสารเคมีที่เหลือจากเพลิงไหม้ ระหว่างการทำงานของรถแบ็คโฮ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา สร้างความตื่นตระหนกให้เจ้าหน้าที่ ขณะเข้าไปตรวจเก็บ ตัวอย่างน้ำเสีย ทั้งในและนอกโรงงานไม่น้อยเพราะเห็นชัดเจนว่ายิ่งเป็นการทำให้กากขยะสารเคมีที่อยู่ในถัง ที่ควรจะถูกเคลื่อนย้ายออกไปกำจัดอย่างถูกต้อง แต่กลับปนเปื้อน ไหลลงบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้นั่นเอง


ตอนนี้วิธีการดังกล่าวของรถแบ็คโฮ ถูกสั่งระงับไปแล้ว นับจากที่เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมภาคที8 และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าไปสังเกตุการณ์ และพบเข้าเมื่อวันที่ 24 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีข้อเท็จจริงว่า ก่อนหน้าที่จะถูกสั่งระงับไปเมื่อวันที่ 24 นั้น มีถึงสารเคมีอีกมาน้อยเพียงใด ที่ถูกเจาะทำลายไปก่อนหรือไม่ และหลังจากที่มีคำสั่งระงับไปเมื่อวันที 24 ที่ผ่านมามีมาตรการใดควบคุมเพื่อที่จะมั่นใจได้ว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก


เจ้าหน้าที่ระบุว่าโรงงานที่แว๊กกาเบจ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ ได้ขายถังขนาด 200 ลิตร ที่ถูกเพลิงไหม้ออกเพื่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการ ที่ต้องการเคลื่อนย้ายถึงสารเคมีเก่า ตามคำสั่ง กรมโรงงานอุตสาหกรรมที่ให้เคลื่อนย้ายทั้งหมดภายใน 15วัน นับจากเกิดเพลิงไหม้เมื่อ 16 มิถุนายน แต่รถแบ็คโฮที่มาทำงาน กลับไม่ได้คัดเอาเฉพาะถังที่ถูกไฟไหม้ และ ระเบิดไปก่อนเท่านั้น แต่กลับเจาะถังที่ยังมีสารเคมีแล้วบดให้แบน เพื่อหวังจะเอาเฉพาะถังขนาด 200 ลิตร ซึ่งเป็นเศษโลหะออกไป นับว่าทั้งผิดเงื่อนไข และผิดต่อหลัก ความปลอดภัยทั้งต่อคนทำงานและสภาพแวดล้อม


วันนี้ มูลนิธิบูรณะนิเวศ ยังเรียกร้องให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อกรณีเหตุเพลิงไหม้โกดังทั้ง 3 หลังของโรงงานดังกล่าว และเปิดเผยความคืบหน้าต่อสาธารณะชนอย่างโปร่งใส พร้อมให้สอบสวนกรณีที่มีการเจาะ-บดถังสารเคมี จนเกิดการรั่วไหลเพิ่มเติมว่ามีเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่รับผิดชอบกรณีนี้ ได้รู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยหรือไม่ ทั้งที่รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมกำชับไว้แล้วว่าต้องดำเนินการเคลื่อนย้ายสารเคมีอย่างรัดกุม


ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ตำบลน้ำพุ อ.เมือง ราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงโรงงานกังวลว่าสารเคมีทั้งที่เกิดจากเพลิงไหม้และที่มีการทำลายซ้ำ จะยิ่งย้ำเติมให้เกิดผลกระทบและเห็นว่า หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการเคร่งครัด จริงจัง จะไม่เกิดผลกระทบยืดเยื้อเช่นนี้มาเกือบ 20 ปี


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยกับข่าว 3 มิติว่าเจ้าหน้าที่เก็บตัวตัวอย่างน้ำเสียในโรงงานและรอบโรงงานรวม 9 จุด ไปตรวจวิเคราะห์แล้ว เมื่อได้ผลทางวิทยาศาสตร์ จะเป็นหลักฐานดำเนินคดีตามพ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมและพ.ร.บ.วัตถุอันตราย เช่นเดียวกันการรวบรวมเอกสารเพื่อเอาผิดทางแพ่ง กรณีทำให้เกิดค่าใช้จ่ายภาครัฐ ค่าเสียหายทางทรัพยากร รวมถึงค่าเสียโอกาสของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ


ที่จริงแล้วโรงงานมีใบอนุญาจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ทำกิจการประเทศรีไซเคิลขยะตามประเภท โรงงาน 105- และ106 รวม 9 ฉบับ ถูกกรมเพิกถอน 1 ฉบับ  อีก 2 ฉบับไม่ต่ออายุ  จึงเหลือใบอนุญาตอยู่ 6 ใบ แต่ทั้ง 6 ใบ ถูกศาลสั่งระงับกิจการชั่วคราว ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา เพราะถูกชาวบ้านตำบลน้ำพุ ฟ้องร้องว่ามีสารเคมีรั่วไหล ปนเปื้อนลงลำห้วยสาธารณะ และน้ำใต้ดิน จนกระทบต่อวิถีชีวิตและอาชีพเกษตรกรรมของชาวบ้าน

คุณอาจสนใจ