สังคม

แกะรอยเส้นทางออกโฉนดรุกป่าเขาใหญ่ ฝีมือข้าราชการ เอื้อนักการเมือง

โดย kodchaporn_j

21 มิ.ย. 2565

73 views

นับจากนี้นายสุนทร วิลาวัลย์ และผู้ต้องหาคนอื่นๆที่ถูกออกหมายจับไป จะเข้าสู่ขั้นตอนการสู้คดี ที่ป.ป.ช.ชี้มูลและดำเนินคดีอาญา และล่าสุดกรมอุทยานฯ ได้รับหนังสือแจ้งให้ลงโทษทางวินัยร้ายแรง ข้าราชการ 1 คน ที่เป็นผู้ต้องหา 1 ใน 10 คนของคดีนี้ ซึ่งโทษสูงสุดคือ ให้ไล่ออกภายใน 30 วัน



เจ้าหน้าที่คนนี้ มีส่วนสำคัญในการแก้ไขแนวเขตเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยพละการถึง 2 ครั้ง เมื่อปี 2536 และ 2545 เพื่อทำให้ที่ดินของนายสุนทร อยู่นอกเขตอุทยานฯ นำมาสู่การออกโฉนดได้ ติดตามการแกะรอยเส้นทางโฉนด



อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยืนยันกับข่าว 3 มิติ เพิ่งได้รับหนังสือ และสำนวนคดี จากปปช. เพื่อให้เอาผิดทางวินัยเจ้าหน้าที่ 1 นาย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 คน ที่ปปช.ชี้มูลและดำเนินคดีอาญา ฐานร่วมกันออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ ในกรณีที่ดินนายสุนทร และนางกนกวัลย์ วิลาวัลย์



สำนวนของปปช.กว่า 1,900 หน้า ส่งถึงกรมอุทยานฯ แล้ว พร้อมข้อมูลที่กรมอุทยานฯ ประสานกับกรมที่ดิน จนพบว่าเมื่อปี 2536 เจ้าหน้าที่คนนี้ ขณะทำหน้าที่นายช่างสำรวจ 4 ของป่าไม้เขตปราจีนบุรี ได้แก้ไขแนวเขตของอุทยานเขาใหญ่ โดยพละการ ถึง 2 ครั้ง



คือในปี 2536 และ 2545 โดยการแก้ไขแนวเขตนั้น ไม่ได้รับมอบอำนาจจากกรมป่าไม้ขณะนั้น และกรมก็ยึดถือแผนที่เขตอุทยานฯ ตามแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฏีกาประกาศเขตอุทยานฯปี 2505 และที่กำหนดเขต โดยเจ้าหน้าที่เมื่อปี 1535 ที่ได้รับอำนาจจากกรมป่าไม้ขณะมาโดยตลอด



และจากข้อมูลจะพบว่าการที่เจ้าหน้าที่คนนั้น แก้ไขแนวเขตในช่วงปี 2536 และ 2545 ซึ่งทั้งสองช่วงปีดังกล่าว เป็นช่วงที่มีการออกโฉนดที่ดินให้นักการเมืองรายที่กำลังเป็นประเด็น โดยผู้เกี่ยวข้องในการเดินเดินสำรวจออกโฉนด ก็คือ 10 คน ที่ปปช.ชี้มูลและดำเนินคดี



อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ต้องตามต่อว่า นอกจากที่ดินของนักการเมืองแล้ว ยังมีใครประโยชน์อีกหรือไม่ มากน้อยเพียงใด จากกรณีการแก้ไขแนวเขตโดยพลการของเจ้าหน้าที่คนนี้



วันนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายรังวัดของกรมอุทยานฯ และอธิบดี ยืนยันว่าแนวเขตที่มีการแก้ไขถูกถ่ายทอดลงในแผนที่ระวาง ของกรมที่ดิน โดยที่กรมอุทยานฯ ยึดถือแนวเขตเดิมเมื่อปี 2505 อยู่แล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าที่ดินที่ถูกบุกรุกนั้น มีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ ภาพเหตุการณ์จริง เมื่อปี 2560 ที่ชุดเฉาะกิจพญาเสือและฝ่ายทหาร เข้าตรวจสอบกรณีนี้ ที่เรียกได้ว่าเริ่มต้นจากที่ดิน 1 งาน กับ 29 ตารางวา



โดยเริ่มจากวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 นายสุนทร ทำหนังสือถึงสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 ปราจีนบุรี เพื่อให้ร่วมระวังชี้แนวเขต เพราะตัวเองจะทำประโยชน์ที่ดิน 2 แปลง คือแปลงลำดับที่ 88 และ 89 ซึ่งออกเป็นโฉนดเลขที่ 41158 กับ 41159



กระทั่งวันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 ชุดเฉพาะกิจพญาเสือพร้อมทีมรังวัดและทหาร ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบการบุกรุกที่ 1 งาน 29 ตารางวาแต่ไม่พบผู้กระทำผิด จึงแจ้งตำรวจสภ.เมืองปราจีนบุรี โดยไม่มีตัวผู้ต้องหา แต่ก็ทำบันทึกแนบท้ายอีก ฉบับว่า ที่ดิน 2 แปลง ที่นายสุนทร แจ้งการครอบครองและขอให้ตรวจสอบแนวเขตเพื่อจะทำประโยชน์นั้น น่าจะอยู่ในเขตอุทยานฯ




หลักฐานขณะนั้นชัดเจนว่า มีบันทึกแจ้งความดำเนินคดี ไม่เพียงเท่านั้น ภาพถ่ายทางอากาศก็ปรากฎในหลายปี เช่นปี 2496 ที่ดิน 2 แปลงที่อยู่ในเส้นสีฟ้านั้น อยู่ในขอบเขตอุทยานฯ ซึ่งก็คือเขตสีแดง



นอกจากนี้ในปี 2510 /2537/2545 เส้นสีฟ้าที่ถูกออกโฉนด ก็อยู่ในกรอบสีแดง ที่เป็นเขตอุทยานฯ นั่นหมายความว่าหลักฐานอุทยานฯยึดถือมาตลอดว่า เขตสีแดงคือขอบเขตอุทยาน แต่เพราะเจ้าหน้าที่บางคน ไปแก้ไขแนวเขตใหม่ ในแผนที่ระหว่างหรือกรมที่ดิน เพื่อร่วมกับเจ้าหน้าที่บางคนของกรมดังกล่าว



หาประโยชน์จากการออกโฉนดที่ดิน กระทั่งต่อมาจึงมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่านอกจาก 1 งาน ที่ขยายไปพบ 2 แปลงเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่แล้ว ก็ยังพบอีก หลายแปลง จากการที่แนวเขตถูกแก้ไขถึง 2 ครั้ง นำมาสู่การชี้มูลและดำเนินคดีของปปช.



ประเด็นที่น่าสนใจนับจากนี้ คือการแก้ไขแนวเขตดังกล่าว สร้างความเสียหายต่อผืนป่าเพียงใด และใครบ้างได้ประโยชน์จากการกระทำนี้ รวมถึงกรมอุทยานฯ จะมีมาตรการป้องกันอย่างไร ติดตามในวันพรุ่งนี้

คุณอาจสนใจ

Related News