ทั่วโลกป่วย “ฝีดาษลิง” 920 คนแล้ว สธ.ยันไทยยังไม่เจอติดเชื้อ

พบผู้ป่วยฝีดาษลิงแล้ว 920 คน กระจายใน 43 ประเทศทั่วโลก กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันยังไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศไทย แพทย์เผยติดต่อจากคนสู่คนได้ยากกว่าโควิด-19

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง ทั่วโลกในขณะนี้พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 920 คน และมีผู้ป่วยต้องสงสัยอีก 70 คน กระจายไปแล้วใน 43 ประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า ยังไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ

นายแพทย์ โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ระยะการระบาดของโรคฝีดาษลิงไม่รวดเร็วเหมือนโควิด-19 เนื่องจากเป็นการระบาดจากการสัมผัสใกล้ชิดเท่านั้น ต่างจากโควิด-19 ที่สามารถแพร่กระจายไปในอากาศได้ ซึ่งหากเปรียบเทียบกันแล้วในระยะเวลาของการระบาดมราเท่ากัน ก็จะต้องพบผู้ป่วยแล้วกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก

อธิบดีกรมควบคุมโรคจึงย้ำว่า ความรุนแรงของโรคยังไม่ได้น่ากังวล เช่นเดียวกับความจำเป็นของวัคซีนป้องกันโรค ที่ยังไม่มีความจำเป็น ซึ่งต้องพิจารณาตามสถานการณ์ ควบคู่กับการเฝ้าระวัง เบื้องต้นองค์การอนามัยโลก ประเมินให้โรคฝีดาษลิง อยู่ในระดับความเสี่ยงปานกลาง โดยยังไม่ได้อยู่ในภาวะฉุกเฉิน เนื่องจากการระบาดยังไม่รวดเร็ว แต่ก็ขอให้เฝ้าระวังสถานการณ์

ขณะที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิง หรือ monkeypox โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ โอภาส พุทธเจริญ ศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก ระบุว่า โรคฝีดาษลิงเป็นโรคที่พบการระบาดในมนุษย์ครั้งแรก ปี ค.ศ.1970 จากการถูกลิงกัด ขณะเดียวกันก็ติดเชื้อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่ง หรือ รับประทานสัตว์ตระกูลฟันเเทะเช่น กระรอก และ หนู ซึ่งอาการก็มีลักษณะเป็นผื่นตุ่มน้ำ ตุ่มหนองขึ้นตามร่างกาย และเป็นไข้ คล้ายโรคฝีดาษ smallpox โดยโรคนี้มีถิ่นรังโรคอยู่ที่ทวีปแอฟริกา มีอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยอยู่ที่ 3-6%

ปัจจุบันมีวัคซีนฝีดาษหลายเทคโนโลยีการผลิต รองรับสถานการณ์เรียบร้อย ซึ่งสำหรับผู้ที่เคยได้รับวัคซีนโรคฝีดาษแล้ว ก็จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ แต่ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ดังนั้นหากมีความจำเป็นจริง ก็จะเริ่มจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้าก่อน โดยสถานการณ์ขณะนี้ยังถือว่าไม่เป็นที่น่ากังวล และต้องรอการศึกษางานวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจโรค

สำหรับประเทศไทยยังไม่พบรายงานยืนยันผู้ติดเชื้อแต่มีเพียงผู้ป่วยสงสัย 6 คน ซึ่งผลที่ได้พบเป็นเพียงเชื้อเริมไม่ใช่โรคฝีดาษลิง ทั้งนี้ หากพบผู้ติดเชื้อ ฝีดาษวานร ต้องแยกกักตัว ทำการสอบสวนโรค เพื่อควบคุมวงระบาดของโรค และรักษาตามอาการ โดยหลังจากนี้ ประเทศไทยมี โอกาสที่จะพบผู้ติดเชื้อได้ซึ่งมาจากเดินทางเข้าประเทศตามมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขมีแผนในการรองรับ รวมถึงแผนในการเตรียมจัดหายาและวัคซีนโรคเพิ่มเติมในอนาคต