ตร.ทลายเครือข่ายเงินกู้นอกระบบ เงินหมุนเวียนกว่า 60 ล้านบาท ปล่อยกู้ผู้ประกอบการ SME ด้วย

ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกียวกับหนี้สินนอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดปฏิบัติการกวาดล้างเงินกู้นอกระบบ ใน 3 จังหวัดมีเงินหมุนเวียนกว่า 60 ล้านบาท นอกจากประชาชนที่เข้าไปกู้เงินจำนวนมากแล้ว ยังมีกลุ่มผู้ประกอบการ SME เข้าไปกู้เงิน แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยโหด เป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อน

จุดแรกเป็นการเข้าตรวจค้นเครือข่ายเงินกู้นอกระบบ ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง ใน จ.นครปฐม หลังมีผู้ร้องเรียนว่าได้เช่าบ้านเดือนละกว่า 2 หมื่นบาท เพื่อเป็นสำนักงาน โดยมีผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 ราย แต่ขณะเข้าตรวจค้นพบว่า ยังมีผู้ร่วมกระทำผิดอยู่ในบ้านทั้งหมด 7 ราย 2 รายติดเชื้อโควิด

ผู้ต้องหา ปฏิเสธโดยอ้างว่า คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งในสำนัก ไว้สำหรับขายของออนไลน์ เมื่อตำรวจตรวจสอบไม่พบว่ามีสินค้าออนไลน์ขาย แต่เป็นเว็บไซค์เงินกู้นอกระบบ และยังพบรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยผู้ต้องหาบอกว่าไม่ทราบที่มาของรถเพราะจอดอยู่ก่อนหน้าที่พวกตนจะมาอยู่

ปฏิบัติการกวาดล้างแอปเงินกู้ โดยศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบหรือ สปน. โดยพล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้อำนวยการศูนย์ พบว่าหนี้สินเป็นสาเหตุสำคัญ ทำให้หลายคนคิดสั้นฆ่าตัวตายรายวัน โดยเฉพาะการกู้หนี้นอกระบบจากแอปเงินกู้หรือเว็บไซค์ เป็นการเพิ่มพูนหนี้สินไม่รู้จบ จึงประสานตำรวจสอบสวนกลาง โดยตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจหรือ ปอศ. เข้าตรวจค้นใน 3 จังหวัด ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกัน โดยมีนายทุนอยู่ที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

จากการตรวจค้นตำรวจจับนายทุนสองสามีภรรยา ได้พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนสั้นปืนยาว และเครื่องกระสุนปืน โดยทั้งสองคนไม่ให้การใดๆ บอกเพียงว่ามีอาชีพทำการเกษตร

ขณะที่ จ.สมุทรสาคร พบพนักงานเว็บไซค์เงินกู้ทั้งหมด 9 คน โดยทั้ง 3 เป้าหมายรวมผู้ต้องหาได้ 14 คน สมุดบัญชี 57 เล่ม โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ ขณะที่เว็บไซค์ที่เครือข่ายใช้ พบว่ามีหลายเว็บไซค์ที่โฆษณาชวนเชื่อ โดยให้กู้วงเงินสูงถึง 2 ล้านบาท มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าไปกู้แต่พบว่าดอกเบียสูง

ศูนย์ป้องกันปราปรามกระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์แจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมีผู้ร้องเรียนเข้ามาที่หมายเลข 1599 เป็นจำนวนมาก วันละหลายร้อยราย