นายกฯ เมิน 'โรม' ท้าสั่งตั้งกก.สอบ 'บิ๊กป้อม' ปมค้าโรฮิงญา ลั่นสื่ออย่าให้ค่า

คดีค้ามนุษย์โรฮิงญามาหลายปี และตรวจสอบเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจนถึงวันนี้ เรื่องโรฮิงญา ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกตั้งคำถาม โดยล่าสุดสำนักข่าวอัลจาซีร่าได้นำเสนอสารคดีเบื้องหลังการลี้ภัยของพลตำรวจตรีปวีณ พงศ์สิรินทร์ ที่อ้างว่ามีแกนนำในรัฐบาลเกี่ยวข้อง โดยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงข่าวเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ตั้งกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ แต่นายกรัฐมนตรีไม่ตอบ และยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยัน ไม่มีบิ๊กเนม เกี่ยวข้องกับคดีนี้



นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวเรียกร้องมโนธรรมจารัฐบาล โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อกรณีการค้ามนุษย์โรฮิงญา โดยเฉพาะกรณีที่ทำให้พลตำรวจตรี ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตหัวหน้าชุดพนักงานสืบสวนในคดี้นี้ต้องลี้ภัยไปยังประเทศออสเตรเลีย และล่าสุดสารคดีของสำนักข่าวอัลจาซีร่า ได้เผยแพร่เบื้องหลังคำสั่งย้าย พลตำรวจตรีปวีณ ไปยังจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ระบุว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ขณะนั้นเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ย่อมรู้เรื่องนี้ดี



จึงอยากเห็น พลเอกประยุทธ์ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ พลเอกประวิตร แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยจริงจังกับการค้ามนุษย์ และสร้างความชัดเจนว่า มีบุคคลใดบ้างที่เกี่ยวข้องหรือช่วยเหลือผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งหากไม่มีหลักประกันความปลอดภัย พลตำรวจตรีปวีณ ก็คงไม่สามารถกลับมาประเทศไทยได้ภายใต้รัฐบาลชุดนี้



ขณะที่นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถามว่าจะตั้งกรรมการสอบและพักงาน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณจากกรณีถูกพาดพิงถึงการค้ามนุษย์โรฮิงญา หรือไม่ และกล่าวด้วยเสียงมีอารมณ์ว่า นายกรัฐมนตรีไม่ใช่คนทุจริตหรือแสวงหาประโยชน์อะไร สื่อไม่ควรไปให้ค่ากับคนกล่าวหา และคดีค้ามนุษย์โรฮิงญาสำนักงานตำรวจแห่งชาติชี้แจงได้



พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินคดีการค้ามนุษย์โรฮิงญา มีผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีและฟ้องศาลไปแล้ว 116 ราย ไม่มีใครที่หลุดรอดไปได้ และไม่มีแค่พนักงานตำรวจ ที่เป็นคณะกรรมการสอบสวน มีทั้งสำนักงานอัยการสูงสุด ที่รับผิดชอบสำนวนและพนักงานตำรวจสอบสวนร่วมภายใต้คำสั่งของพนักงานอัยการ เพราะเป็นคดีนอกราช



ทั้งนี้ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้จับกุม และมีการออกหมายจับ 155 หมาย เสียชีวิตไป2ราย เหลือ 153 ราย และดำเนินการจับกุมไปแล้ว เหลือ 31 หมาย ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน พร้อมพยายามจับกุมคนที่หลบหนีอย่างต่อเนื่อง และคนที่จับกุมศาลก็ตัดสินลงโทษ จำคุกพันกว่าปี ก็มี ยืนยันว่าบิ๊กเนมที่ถูกกล่าวหา ก็ไม่มีแล้ว ทุกคนถูกตรวจสอบและจับกุมแล้ว จึงไม่เข้าใจว่าจะให้ตรวจสอบอะไรอีก พร้อมขอให้เข้าใจว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย



ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวถึงกรณีพาดพิงถึงพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร มีการช่วยเหลือคดีนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะหากมีการช่วยเหลือกันจริง คดีก็ไม่มีผลออกมาแบบนี้ และ เพราะพนักงานสอบสวนมีเป็นร้อย จะสั่งการอย่างไรที่สำคัญตำรวจไม่ได้รับผิดชอบทั้งหมด เพราะยังมีหน่วยงานอื่นด้วย ดังนั้น ยืนยันได้ว่ากระบวนการสอบสวนทั้งหมดเชื่อถือได้ และขอให้ดูกันยาวๆ