ป.ป.ส.ตั้งเป้ายึดทรัพย์ 1 หมื่นล้านบาท ตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติด

สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นำทรัพย์สินในคดียาเสพติดของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และทรัพย์สินที่ไม่เหมาะจะเก็บรักษาไว้ รวม 192 รายการมาขายทอดตลาด ซึ่งวันนี้ขายทอดตลาดได้กว่า 19 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือทรัพย์สินเครือข่ายเจ๊เหมย เครือข่ายยาเสพติดจากเชียงราย ที่ส่งยาเสพติดไปชายแดนภาคใต้ ขณะที่ ป.ป.ส.ตั้งเป้า ยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดให้ได้ 1 หมื่นล้านบาท ภายในปีงบประมาณ 2565 นี้

รถยนต์ปอรเช่ คันนี้ เป็นหนึ่งในทรัพย์สิน ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เปิดขายทอดตลาดเมื่อเช้านี้ รวมกับทรัพย์สินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่คดีสิ้นสุด 134 รายการ และทรัพย์สินที่ไม่เหมาะจะเก็บรักษาไว้อีก 59 รายการ รวมทั้งหมด 192 ราย ซึ่งราคาประเมินของทรัพย์สินก่อนขายทอดตลาดอยู่ที่ 21,249950 บาท

เฉพาะรถปอเช่คันนี้ ราคาประมูลเริ่มต้น 5 ล้านบาท จบที่ 6,580,000 บาท , รถโตโยต้าเวลแฟล์ ราคาเริ่มต้นที่ 1,500,000 บาท จบที่ 1,890,000 บาท เป็นต้น รวมทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดวันนี้ 19,893100 บาท โดยมีทรัพย์สินที่ยกเลิกการขายทอดตลาด และไม่มีผู้ประมูลสู้ราคา จำนวน 23 ราย และจะเก็บไว้เพื่อขายทอดตลาดครั้งต่อไป



นับจาก 9 ธันวาคมปี 2564 เป็นต้นมา ที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่บังคับใช้ กำหนดให้แยกคดีอาญาออกจากคดีแพ่ง นั่นหมายความว่าเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินคดีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการยึดทรัพย์ได้ทันที โดยไม่ต้องรอคดีอาญา แต่งต่างจากระเบียบตามกฎหมายเดิม ที่กำหนดว่าหากคดีอาญาไม่สิ้นสุด จะดำเนินการคดีแพ่งกับทรัพย์สินไม่ได้

กรณีเด่นชัดคือทรัพย์สินส่วนหนึ่งวันนี้ยึดมาจากเครือข่ายเจ้หมวย หรือนางสาวเขมิกา ใจปินตา ผู้ต้องหาชาว อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นผู้จัดหาไอซ์ และเฮโรอีน ของพ่อเลี้ยงคนหนึ่งจากประเทศเพื่อนบ้านที่สามเหลี่ยมทองคำ แล้วให้เครือข่ายที่มีกว่า 10 คน ลำเลียงไป นราธิวาส ปลายทางที่มาเลเซีย นางเขมิกา ถูกจับเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว พร้อมถูกเปิดโปงพฤติกรรมค้ายาเสพติด และฟอกเงินซึ่งมีร้านทอง และร้านแลกเงินตามจังหวัดชายแดน เมื่อขยายผลยึดทรัพย์ก็พบว่ามีทรัพย์สินกว่า 1,000 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า พฤติกรรมการฟอกเงินมีหลายรูปแบบ จำเป็นต้องประสานหลายหน่วยงานแกะรอยและติดตามให้ทัน

ตั้งแต่ปี 1 ตุลาคมปีที่แล้วถึง 20 เมษายนที่ผ่านมา ป.ป.ส.ยึดอายัดทรัพย์สินกว่า 3,274 ล้านบาท แยกเป็นการยึดอายัดตาม กฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่กว่า 3119 ล้านบาท และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่นฟอกเงิน รวม 154 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ป.ป.ส.ก็ตั้งเป้าว่าภายในปีงบประมาณ 65 นี้ จะเดินหน้ายึดอายัดทรัพย์ขบวนการค้ายาเสพติดให้ได้ 1 หมื่นล้านบาท หวังจะบั่นทอน หรือตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติด

ส่วนทรัพย์สินที่ยึดมาเมื่อคดีสิ้นสุดถูกขายทอดตลาด ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ถึง 2565 รวม 112 ครั้ง มูลค่าขายกว่า 387,324,560 บาท

เงินส่วนหนึ่งจะสนับสนุนภารกิจป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และตามกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่นี้ ทรัพย์จากคดีที่สิ้นสุดภายใต้กฎหมายใหม่นี้ เมื่อขายทอดตลาดแล้วประชาชนที่แจ้งเบาะแสจะได้สินบนผู้ชี้เบาะร้อยละ 5 และเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการร้อยละ 25 ของทรัพย์ที่ขายทอดตลาดได้