ป.ป.ส. ออกมาตรการสกัดขบวนการค้ายา ใช้ 'พัสดุ' ขนเงิน ส่งยานรกข้ามแดน

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ออกมาตรการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบการ รวมถึงกิจการขนส่งเอกชน ซึ่งพบว่าเป็นช่องทางที่ขบวนการใช้ลำเลียงยาเสพติดมากขึ้น รวมถึงกรณีล่าสุดที่ขบวนการค้ายาเสพติดใช้วิธีขนส่งเงินสดกว่า 200 ล้านบาท ไปที่ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกิจการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคของเอกชน ที่จังหวัดเชียงราย

แม้ว่าการจับ นายวิทยา แซ่หม่า หุ้นส่วนกิจการขนส่งเอกชนแห่งหนึ่งที่อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อ 3 วันก่อน จะถือเป็นผู้เกี่ยวข้องคนสุดท้ายของเครือข่ายยาเสพติดนายศรัทธา ก่อเกิดตระกูล หลังจากก่อนหน้านี้จับได้ครบทั้ง 9 คน



แต่ที่จริงยังมีอีกหลายเครือข่ายกลุ่มค้ายาเสพติดที่ใช้วิธีการแบบเดียวกัน คือไม่โอนเงินสดจากค้ายาเสพติดผ่านธนาคาร เพราะมีการตรวจสอบทางการเงินและอายัด แต่หันมาใช้วิธีลำเลียงเงินสดซุกซ่อนไปกับรถบรรทุกสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ยังขนส่งจากฝั่งไทย ไป จ.ท่าขี้เหล็กของเมียนมาร์



นอกจากนี้ ยังมีทั้งวิธีใช้เงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด ซื้อสินค้าวัสดุอุปกรณ์ หรือของมีค่าจากประเทศไทย แล้วส่งไปปลายทางดังกล่าว แต่หลังจากวิกฤติโควิดที่ทำให้ยังปิดชายแดน ขนส่งได้เฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ทำให้ขบวนการนี้ หันมาพึ่งพาวิธีส่งเงินสดผ่านขนส่งเอกชนเป็นหลัก

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่าขบวนการนี้ว่าจ้างให้เปิดบัญชีธนาคาร เพื่อโอนเงินหลายทอดต่อไปยังหัวหน้าเครือข่าย แล้วถอนออกมาเป็นเงินสด เพื่อส่งชายแดน

นอกจากขนส่งเงินสดคืนไปให้กลุ่มผู้ค้ายาที่ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกิจการขนส่งเอกชนแล้ว วิธีการลำเลียงยาเสพติดของขบวนการนี้ก็ปรับเปลี่ยนไปด้วย หลังจากวิธีการเดิมที่เคยใช้ถูกติดตามตรวจสอบได้มากขึ้น โดยเฉพาะการดัดแปลงซุกซ่อนไปกับรถยนต์ ระยะหลังก็ใช้การลำเลียงผ่านกิจการขนส่งเอกชน



ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พบว่าในปีงบประมาณ 2565 มีการขนส่งยาบ้า จากต้นทางที่เชียงใหม่ เชียงราย ไปกรุงเทพฯ และปริมณฑล กับไปที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมกว่า 2 ล้านเม็ด แยกเป็น


ต้นทางที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ส่งไปปลายทางที่ปัตตานี 1 แสนเม็ด/จากอำเภอเมืองเชียงราย ไปสงขลา 1 ล้านเม็ด จากอำเภอเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ไปกรุงเทพ 3 แสนเม็ด และจาก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ไปสุโขทัยและสงขลาอีก 1 ล้าน 1 แสน 1 เม็ด

รวมที่ยึดได้ 4 คดีนี้ ถึง 2 ล้าน 5 แสนเม็ด แต่หากนับจากตุลาคมปีที่แล้ว ถึง 22 มีนาคมปีนี้ เจ้าหน้าที่จับยาเสพติดที่มากับพัสุดเอกชน และไปรษณีย์ทั่วประเทศ รวม 12 คดี มีทั้งยาบ้า กว่า 2 ล้าน 7แสนเม็ด ไอซ์ 3.5 กิโลกรัม และกัญชากว่า 3พันกิโลกรัม



รูปแบบการขนส่งที่หลากหลายโดยเฉพาะกับกิจการขนส่งเอกชน ทำให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ออกประกาศ กำหนดมาตรการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ

ซึ่งบังคับใช้ในสถานประกอบการ หลายประเภท เพื่อให้ปฎิบัติตามมาตรการป้องกันปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะสถานประกอบการในข้อ 7 คือถสานที่หรือที่เก็บสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์ ที่ผู้ประกอบการขนส่งใช้ประกอบกิจการขนส่งสินค้าหรือพัสุดภัณฑ์ ต้องบันทึกรายละเอียดผู้ส่ง- ผู้รับ อย่างละเอียดชัดเจน หากพบว่าพัสุดภัณฑ์ เป็นสิ่งเสพติดต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยเร็ว ให้จัดทำป้ายเตือนผู้รับจ้างส่ง หรือรับพัสดุยาเสพติดจะมีความผิด และหากพบว่ากิจการรับรู้ เกี่ยวข้อง ก็จะมีความผิดด้วย



มาตรกรเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่ง เพื่อติดตาม ควบคุม ป้องกันและปราบปรามการขนส่งยาเสพติดผ่านกิจการขนส่งเอกชน ซึ่งประกาศเมื่อ 9มีนาคมที่ผ่านมา และจะบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 30 วัน หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา