บุกจับ ผญบ. ร่วมขบวนการลำเลียงยาเสพติด เครือข่ายโพนพิสัย

ไม่เพียงเฉพาะทางตอนเหนือของประเทศเท่านั้น ที่เป็นช่องทางนำเข้ายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่หลายพื้นที่ตามลำน้ำโขงที่ภาคอีสาน ก็เป็นทางผ่านหรือลำเลียงยาเสพติดอยู่เป็นระยะ



ล่าสุดตำรวจ ทหาร จับผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งที่อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย หลังถูกซัดทอดเกี่ยวข้องกับยาเสพติดล็อตใหญ่ เมื่อกลางปีที่แล้ว และขณะเข้าจับครั้งล่าสุดนี้ กล้องติดตามความร้อน ก็ยังบันทึกภาพเรือหางยาง นำยาบ้ามาขึ้นฝั่ง ที่ท่าน้ำใกล้เคียงกับบ้านผู้ใหญ่บ้านคนนี้ด้วย



ทันทีที่มีสัญญาณสื่อสารว่า กล้องจับความร้อน หรืออินฟาเรด จับภาพเคลื่อนไหวของเรือหางยาว กำลังลอยลำข้ามฝั่งจากประเทศเพื่อนบ้านขึ้นฝั่งไทย ที่ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ระหว่างนั้นทหาร ตำรวจ ก็เฝ้ารอจนเรือจอดสนิท แล้วแสดงตัวเข้าจับ แต่คนในเรืออย่างน้อย 3 คน ก็กระโจนลงแม่น้ำโขงและอาศัยความมืดหลบหนีไป ทิ้งยาบ้าไว้ 3 กระสอบ รวมกว่า1 ล้าน 2 แสนเม็ด ปฎิบัติการนี้มีขึ้นเมื่อ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ตามแผนยุทธการสยบไพรี 65/9 อินทรชิตแผลงศร โดยแม้ว่าไม่ได้ตัวผู้ต้องหาแต่ก็มีเบาะแสบางอย่างเชื่อมโยงคนในพื้นที่



กระทั่งเช่าตรู่วันรุ่งขึ้น ตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมหลายหน่วยงาน นำหมายจับและหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งริมฝั่งแม่น้ำโขง ไม่ไกลจากท่าขึ้นเรือที่พบยาเสพติด บ้านหลังนี้เป็นของนายธานี ศรีประสงค์ หรือบอล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บ้านต้อน อ.รัตนวาปี หลังจากตรวจค้นจนพบตัวแล้ว ตำรวจได้แสดงหมายจับของศาลอาญารัชดา ต่อนายธานีด้วย



ตำรวจให้นายธานีนำตรวจค้นในบ้านพัก เพื่อหาหลักฐานอื่นๆประกอบการสอบสวน พร้อมอายัดทรัพ์สินในบ้านไว้ตรวจสอบ



ข้อมูลจากตำรวจปราบปรามยาเสพติดระบุว่าเมื่อ 16 กรกฎาคม ปีที่แล้ว ตำรวจจับรถกระบะบรรทุกยาบ้า 2 ล้าน 6แสนเม็ด เมื่อสอบสวนขยายผล นายธานีก็ถูกซัดทอดว่าเกี่ยวข้องกับการขบวนการนี้



วิธีการของเครือข่ายนี้ มีผู้ลำเลียงยาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านด้วยเรือหางยางมาขึ้นฝั่งท่าน้ำ 3 จุด ในพื้นที่ อ.โพนพิสัย และรัตนวาปี จากนั้นจะนำไปซุกซ่อนใส่รถยนต์ที่รับจำนำมาอย่างผิดกฎหมาย เมื่อจะนำยาบ้าไปส่ง ก็จะนำรถไปจอดทิ้งไว้ริมถนนสายหนองคาย-บึงกาฬ เพื่อให้คนในขบวนการมาขับไปส่งต่อ อยครั้งที่ค่าจ้างการขนส่ง ก็คือรถยนต์คันที่ขับไป



ตำรวจพบว่าเครือข่ายนี้ มี 6 คน ตอนนี้จับได้แล้ว 5 คน หลบหนี 1 คน ขณะเดียวกันก็กระจายกำลังไปตรวจสอบและยึดทรัพย์คนในเครือข่ายที่ถูกเรียกว่าเครือข่ายโพนพิสัย เพื่อตรวจสอบ ทั้งรถยนต์ เงินสด ทองคำ บัญชีธนาคาร สิ่งปลูกสร้าง และที่ดิน รวม 14 ล้านบาท