บทสรุปคดีแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่กัมพูชา ช่วยเหยื่อ 361 จับนายหน้า 32 คน เตรียมยึดทรัพทย์-ขยายผลรูปคดีต่อไป

ผู้ที่ลักลอบเข้าไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา และร้องเรียนให้ทางการไทยช่วยเหลือกลับประเทศ โดยที่ผ่านมาสามารถช่วยเหลือกลับมาได้ 361 คน และขณะนี้ได้นำไปสู่การออกหมายจับนายหน้าที่หลอกลวงคนไทยไปทำงานแก๊งคอลเซนเตอร์ได้ทั้งหมด 32 คน โดยขั้นตอนต่อไป ทางเจ้าหน้าที่จะขยายผลไปสู่ความผิดฐานฟอกเงินและยึดทรัพย์ต่อไป


อุทธาหรณ์ของผู้ที่ลักลอบเข้าไปทำงาน ที่ประเทศกัมพูชาซึ่งได้รับการช่วยเหลือกลับมา ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าถูกทารุณกรรม และถูกกักขัง เพื่อบังคับให้โทรศัพท์มาหลอกลวงคนไทยให้ได้ตามเป้าหมายในแต่ละวัน


หลังจากได้รับการช่วยเหลือกลับมา ซึ่งกลุ่มคนที่ถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซนเตอร์ กลายเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ หลังจากให้ข้อมูลว่ามีนายจ้างเป็นชาวจีน เป็นเจ้าของเว็บไซค์คอลเซนเตอร์ที่ตั้งโปรแกรมขึ้นมา หลอกคนไทย โดยทางการไทยช่วยเหลือมาได้ 361 คน ซึ่งนายทุนขาวจีนส่วนใหญ่หลบหนีไปก่อน

พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่า เพื่อเป็นการตัดวงจรการกระทำผิดของกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ ต้องตัดวงจรตั้งแต่ต้นทางทั้งบัญชีม้า ที่มีผู้ขายบัญชีให้กับมิจฉาชีพจำนวนมาก และขบวนการนายหน้า ที่นำพาคนไปทำงานที่กัมพูชา ได้ออกหมายจับแล้ว 32 ราย


จากการสอบสวนพบว่าผู้ที่ไปทำงานที่กัมพูชาได้ถูกหลอกลวงจากการรับสมัครงานทางโซเชียล ว่าให้ทำงานในคาสิโน รายได้ดี แต่ได้พาหลบหนีเข้าเมืองไปช่องทางธรรมชาติ ยึดหนังสือเดินทาง และบังคับให้ทำงานหลอกลวงให้คนไทยลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีอยู่จริง หรือทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกกู้เงิน และแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ฉ้อโกงคนไทยเสียหายจำนวนมหาศาล โดยขณะนี้ได้ร่วมกับ ปปง. เพื่อขยายผลไปสู่การยึดทรัพย์ผู้ที่ร่วมกระทำผิด จากการออกหมายจับผู้กระทำผิดที่หลอกลวงคนไทยไปกัมพูชาได้ทั้งสิ้น 32 ราย ขณะนี้จับกุมแล้ว 15 ราย อยู่ระหว่างการหลบหนี 17 ราย