กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงติดตามงานส่งเสริมการศึกษา และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก-เยาวชน จ.นครศรีธรรมราช-กระบี่

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงติดตามการดำเนินงานส่งเสริมการศึกษา และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดกระบี่



วันนี้ เวลา 10.40 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามการดำเนินงานตามพระราชดำริ ของศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหลังอ้ายหมี อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช

ซึ่งกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ บูรณาการด้านการศึกษา และสุขอนามัย เพื่อให้เด็ก เยาวชน ตลอดจนประชาชน ในพื้นที่เขตบริการ บ้านหลังอ้ายหมี และบ้านควนปลิง มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยด้านการศึกษา ได้จัดประเมินนักเรียนเป็นรายบุคคล เพื่อจัดกลุ่มตามพัฒนาการ ก่อนจัดสอนเสริมให้กับนักเรียนกลุ่มอ่าน-เขียนไม่คล่อง และยังร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช จัดอบรมครู เพื่อนำไปปรับใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอน



ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ร่วมกับวิทยาลัยการอาชีพหัวไทร จัดอบรมวิชาชีพหลักสูตรระยะสั้น อาทิ การร้อยลูกปัดมโนราห์ ที่เป็นเครื่องตกแต่ง และยังร่วมกับปราชญ์ชาวบ้าน สอนการทำไม้กวาดดอกหญ้า พร้อมสร้างช่องทางจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ ขณะที่สำนักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช และสำนักงานเกษตรอำเภอชะอวด เข้ามาให้ความรู้การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร

อาทิ การทำข้าวต้มใบกะพ้อ ขนมกล้วย ส่วนการเสริมสร้างสุขอนามัยในเด็กนักเรียน ได้เสริมไข่ไก่และนม พร้อมจัดกิจกรรมออกกำลังเพิ่มเติม ให้กับนักเรียนที่มีปัญหาน้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์และมีภาวะเตี้ย รวมทั้งร่วมกับสาธารณสุขอำเภอชะอวด และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ให้ความรู้การตรวจคัดกรองโรคโควิด19 และดูแลรักษาสุขอนามัย ด้านกิจกรรมเกษตรผสมผสาน มีการปลูกผัก ถั่วเมล็ดแห้ง และไม้ผล ตามโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน พร้อมทั้งแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ให้นักเรียนนำไปปลูกที่บ้าน ช่วยลดรายจ่าย สร้างรายได้ได้อีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการจัดตั้งกลุ่มแปรรูปลูกชก กลุ่มผลิตเครื่องแกง กลุ่มเย็บผ้า สนองพระราชกระแส เมื่อปี 2560 ในการจัดหาอาชีพเสริมให้กับประชาชน เพื่อให้มีรายได้ต่อเนื่อง และยังได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานชลประทานที่ 15 ก่อสร้างฝายคอนกรีต พร้อมระบบส่งน้ำ เพื่อเป็นแหล่งน้ำในศูนย์การเรียนฯ ด้วย



ในการนี้ มีพระราชดำรัส ให้ชมรมศิษย์เก่าช่วยเหลือพัฒนาศูนย์การเรียนฯ พร้อมทั้งแนะนำให้เกษตรจังหวัด ส่งเสริมการปลูกพืชผักอายุสั้น เพื่อเป็นรายได้เสริม และเป็นตัวอย่างแก่ชุมชน ระหว่างรอการตัดโค่นต้นยาง และให้ปศุสัตว์จังหวัด หาวิธีลดต้นทุน อาหารเลี้ยงไก่ไข่ให้แก่ประชาชน จากการดำเนินงานของศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหลังอ้ายหมี นับว่าประสบความสำเร็จในการพัฒนาด้านต่าง ๆ สามารถเป็นแบบอย่าง แก่สถานศึกษาอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี



เวลา 15.11 น. เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามการดำเนินงานตามพระราชดำริ ของศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านแผ่นดินเสมอ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ซึ่งเปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน 70 คน มีนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ 6 คน ปัจจุบัน ประสบปัญหาไม่มีไฟฟ้าใช้ ที่ผ่านมาแก้ไขโดยใช้โซล่าเซลล์ทดแทน แต่ในช่วงฤดูฝน หรือช่วงที่ฝนตกชุก จะมีไฟฟ้าไม่เพียงพอ



ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 คะแนนเฉลี่ยสูงกว่าระดับประเทศ และชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระวิชาภาษาไทย วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ สูงกว่าระดับประเทศ ที่ผ่านมาโรงเรียนจัดการเรียนการสอน ให้ครอบคลุมเนื้อหาตามตัวชี้วัด รวบรวมแนวข้อสอบเก่านำมาสอน และให้นักเรียนฝึกทำ พร้อมส่งเสริมด้านจริยธรรม

ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ได้จัดการสอนเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ เรียนที่สำนักสงฆ์บ้านเขาข้าว และที่ศาลาตลาดนัดบ้านแผ่นดินเสมอ ส่วนชั้นที่เว้นจากการเรียนกลุ่มย่อย ครูจะไปตรวจใบงานที่บ้าน ด้านการฝึกอาชีพ มีการฝึกตัดผมชาย แกะสลักผลไม้ และมีการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร "เห็ดทอดกรอบ" ซึ่งเป็นผลผลิตจากโครงการเกษตรเพื่ออาหารหลางวัน นำมาต่อยอดส่งขายในสหกรณ์



โอกาสนี้ ทอดพระเนตร "รองเง็งกระบี่ " ที่มีปราชญ์ชาวบ้าน มาช่วยสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ส่วนระดับชั้น ป.4- ป.6 ได้นำความรู้ ไปแสดงในงานต้อนรับผู้มาเยี่ยมโรงเรียน ด้านโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน มีปริมาณเพียงพอ และแนะนำให้ปลูกผักสวนครัว เลี้ยงไก่ไข่ เพาะเห็ดนางฟ้า โดยแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ผัก ก้อนเชื้อเห็ด และพันธุ์ไก่ไข่ให้กับผู้ปกครอง 55 ครอบครัว สำหรับกิจกรรมห้องสมุด มีการทำหนังสือเล่มแรก ให้นักเรียนเขียนประวัติตัวเอง เป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และปลูกฝังการอ่าน



ด้านกิจกรรมสหกรณ์นักเรียน ส่งเสริมให้นักเรียนปฎิบัติจริง มีการทำบัญชีต้นกล้า บัญชีครัวเรือน และให้นักเรียนร่วมผลิตสินค้าในกิจกรรม 1 ชั้นเรียน 1 ผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมถุงผ้ารักษ์โลกใช้แทนถุงพลาสติก ด้านสุขอนามัย ไม่พบนักเรียนเป็นโรคคอพอก ไข้มาลาเรีย และหนอนพยาธิ ช่วงสถานการณ์โควิด19 ได้ออกเยี่ยมบ้านนักเรียน และให้ความรู้ในการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

ทั้งนี้ ศูนย์การเรียนฯ มีเขตบริการ 2 บ้าน คือ บ้านแผ่นดินเสมอ และบ้านเขาข้าว 251 ครัวเรือน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ประกอบอาชีพทำสวน มีความต้องการถนนคอนกรีตภายในหมู่บ้าน ไฟฟ้า และสัญญาณโทรศัพท์ เพื่อใช้ในการเรียน และการดำรงชีวิต