ตำรวจเพชรบูรณ์จับได้แล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวใช้ปืนจี้ชิงทองในห้างที่กวาดทองรูปพรรณไปได้ 23 บาท รวมมูลค่าก็เกือบ 7 แสนบาท อ้างอารมณ์ชั่ววูบ เพราะเป็นหนี้นอกระบบ

เหตุเกิดประมาณ 19.30 น. วันที่ 24 ม.ค. จะเห็นภาพคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 40-50 ปี สวมเสื้อยืดคอปกสีน้ำเงินเข้ม กางเกงยีนส์ สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ ความสูงประมาณ 173 เซนติเมตร ใส่แมสก์สีดำปิดบังใบหน้า มีอาวุธเป็นปืนลูกซองสั้น แบบไทยประดิษฐ์ เดินเข้ามาในร้านทองแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในห้างดัง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ทำทีเดินเข้ามาซื้อทอง ก่อนจะคว้าปืนออกมาจี้พนักงานสาว และพังที่กั้นโควิด กระโดดขึ้นไปบนตู้กระจก และหยิบทองไปทั้งถาด ก่อนจะวิ่งไปขี่มอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่หลบหนีไป

จากการสอบถาม พนักงานสาวร้านทอง ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า คนร้ายทำทีมาซื้อทอง ซึ่งระหว่างนั้นตนเอง และเพื่อน กำลังเตรียมเก็บทองใส่กล่อง คนร้ายได้ชักอาวุธปืนออกมาจี้ ข่มขู่ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนตู้กระจก หยิบสร้อยคอทองคำในตู้ และยังได้ใช้ปืนยิงเปิดทาง 1 นัด แล้วรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยทองคำที่ได้ไปมีน้ำหนัก รวมประมาณ 23 บาท รวมมูลค่าเกือบ 7 แสนบาท

โดยพฤติกรรมของคนร้าย ตนรู้สึกผิดสังเกตตั้งแต่วันที่ 17-18-19-20 ช่วงเวลาประมาณ 10.00-16.00 น. และ 19.00 น. ทั้ง 3 เวลา จะเห็นผู้ชายคล้ายคนร้ายใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เดินมาวนเวียนอยู่แถวๆ ร้าน แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุ

หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.หล่มสัก พร้อมด้วยพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่เก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย เบื้องต้นพบว่าคนร้ายขี่มอเตอร์ไซค์หลบหนีไปทางบ้านน้ำพุง อำเภอหล่มสัก และเชื่อว่ายังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่

ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า คนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ ชื่อ นายนพรุจ สุขเสถียร อายุ 39 ปี จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านผู้ก่อเหตุ แต่ไม่พบตัว พบแต่ภรรยา จึงให้ภรรยาติดต่อผู้ก่อเหตุให้เข้ามามอบตัว

จนกระทั่งล่าสุด เมื่อเช้านี้ทางญาติผู้ก่อเหตุ ได้ติดต่อมายังเจ้าหน้าที่เพื่อพาตัว นายนพรุจ เข้ามอบตัว พร้อมทั้งของกลาง คือสร้อยคอทองคำ รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นรถคันที่ใช้ก่อเหตุ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปควบคุมตัวได้ในพื้นที่ หมู่ 2 ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า มาสอบสวนที่โรงพัก

จากการสอบถามเบื้องต้น นายนพรุจ อ้างว่า ที่ทำไปเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เพราะตนเป็นหนี้นอกระบบ เลยลงมือก่อเหตุ

ด้าน นายสมชาย อายุ 65 ปี พ่อผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า นิสัยของลูกชายปกติ เป็นคนร่าเริง ไม่ใช่คนดื้อ เสียใจที่ลูกมาทำแบบนี้ ส่วนเรื่องที่ลูกชาย ไปก่อเหตุ ตนเองไม่รู้มาก่อน ส่วนเรื่องหนี้สินตนก็ไม่รู้ เพราะลูกชายแยกไปมีครอบครัว มีอาชีพทำมะขามแช่อิ่มขายกับภรรยา

ขณะที่ ภรรยาผู้ก่อเหตุ เล่าว่า สาเหตุที่สามีมาชิงทอง คาดเกิดจากที่มีภาระหนี้สินจำนวนมาก หลังก่อเหตุตำรวจมาหาตนก็ตกใจ ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีแก๊งเงินกู้มาตามทวงหนี้อยู่บ่อยๆ สาเหตุที่กู้ เพื่อนำเงินมาลงทุนค้าขาย เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้เครียดเรื่องนี้เลยตัดสินใจก่อเหตุ