ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ (20 ม.ค. 65) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอกสุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี

จะเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. เพื่อพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วย

โดยที่ประชุมจะมีการพิจารณาการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ซึ่งจากเดิม อยู่ในระดับสีส้ม มี 69 จังหวัด และสีฟ้า 5 จังหวัด และ 13 จังหวัดบางพื้นที่ ซึ่งในวันนี้ (20 ม.ค.) จะมีการปรับลดความเข้มข้นของมาตรการ โดยจะมีการปรับพื้นที่สูงสีจังหวัดจากสีส้มเดิมเป็นสีเหลือง จำนวนกว่า 20 จังหวัด ขณะที่พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว หรือพื้นที่สีฟ้า จะยังไม่มีการปรับเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ขณะที่การปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ที่ประชุมจะมีการพิจารณานำรูปแบบการเดินทางเข้าประเทศแบบ Test & Go กลับมาใช้ โดยผู้ที่ต้องการเดินทางเข้ามาในระบบ จะต้องมีการคัดกรองเชื้อในวันแรก และวันที่ 6 ด้วยระบบ RT - PCR หลังจากนั้นเมื่อครบกำหนด 7 วัน หากตรวจแล้วไม่พบการติดเชื้อ ก็สามารถเดินทางได้ทั่วราชอาณาจักรเพราะถือว่าปลอดภัย โดยระหว่าง 7 วันแรกผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจะต้องมีการแจ้งตำแหน่งและพิกัด การเดินทางในแอพพลิเคชั่นติดตามตัว

ขณะเดียวกันจะมีการพิจารณาแผนการให้บริการวัคซีนเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อีกด้วย

นอกจากนี้จะมีการพิจารณาการต่อขยายระยะเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มกราคม 2565 นี้ ออกไปอีก 2 เดือน สิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2565 ด้วยเหตุผลที่ต้องบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ ทั้งการสกัดกั้นการเข้าประเทศหรือออกมาตรการต่างๆในการควบคุมโรค

ด้านร้านอาหารผับ บาร์ คาดการณ์ว่าที่ประชุมอาจมีการเลื่อนการเปิดดำเนินกิจกรรมออกไปก่อน หลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา เกิดการแพร่ระบาดจนเป็นคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ใน 14 แห่ง ส่วนผู้ที่มีการปรับกิจการให้อยู่ในรูปแบบร้านอาหารกึ่งผับ จะต้องมีการตรึงมาตรการเข้ม โดยมอบหมายให้กทม.แล้วพื้นที่จังหวัดเข้าตรวจอย่างเข้มงวด

ส่วนวัคซีนโควิดสำหรับเด็กเล็ก อายุ 5-11 ปี นายอนุทิน บอกว่า วัคซีนไฟเซอร์จะส่งมอบให้ไทย วันที่ 26 มกราคม นี้ /จำนวน 3 ล้านโดส จาก 10 ล้านโดส / จากนั้นใช้เวลาตรวจสอบคุณภาพ 2-3 วัน ก่อนกระจายตามแผน ซึ่งกลุ่มแรก ที่จะได้ฉีดวัคซีน คือ เด็กเล็กที่มีโรคประจำตัว และกลุ่มเสี่ยงก่อน เริ่มฉีดวันที่ 31 มกราคม นี้ ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก)แห่งแรก / จากนั้นฉีดกลุ่มอื่นๆ ต่อไป

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีควบคุมโรค อธิบายว่า วัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็ก 1 ขวด บรรจุ 1.3 มิลลิลิตร และเมื่อผสมกับน้ำเกลือ จะมีปริมาณ 2.6 มิลลิลิตร /ทำให้วัคซีน 1 ขวด ฉีดเด็กได้ถึง 10 คน /คนละ 0.2 มิลลิลิตร และ บริษัทฯได้พัฒนาการเก็บรักษาได้นาน หลังผสมน้ำเกลือ ในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ จากเดิม 4 สัปดาห์

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/grp1HyIfEnI