จากกรณีหญิงชาวราชบุรี ซึ่งเป็นภรรยาของนายตำรวจระดับรองผู้กำกับฯ โพสต์ TikTok เล่าประสบการณ์ที่ต้องจ่ายเงินแสนเพื่อนำไปไถ่รถของตัวเอง หลังให้ทหารยศสิบเอกเช่าแล้วแล้วไม่ส่งคืน รู้ตัวอีกทีรถไปโผล่ในประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องนี้ถูกนำเสนอผ่านสื่อหลายสำนัก ท่ามกลางข้อสงสัยว่าสิ่งที่หญิงรายนี้โพสต์ เป็นเรื่องจริงหรือไม่

ล่าสุด ก็มีข้อมูลอีกด้านออกมาจากฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา โดยตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่หญิงรายนี้โพสต์ อาจเป็นแค่ฉากหนึ่งของขบวนการเรียกรับเงินจากผู้เช่า


โดยหญิงโพสต์วิดีโอในติ๊กต่อก อ้างว่าถูกกลุ่มมิจฉาชีพมาหลอกเช่ารถกระบะสี่ประตูสีดำ แล้วนำข้ามชายแดน จ.ตาก ไปขายต่อให้นายทุนในฝั่งพม่า หลังทราบพิกัดจากจีพีเอส ได้ประสานตชด. พาข้ามฝั่งและช่วยเจรจาชนกลุ่มน้อย ขอให้ช่วยตามรถคืนจากนายทุน แต่กลับโดนเรียกเงิน 430,000 บาท ต่อรอง 5 ชั่วโมง ที่สุดก็ได้รถคืนมาในราคา 180,000 บาท

เจ้าของเต้นท์รถ ซึ่งเป็นนายตำรวจระดับรองผู้กำกับการ สถานีตำรวจแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี และเป็นสามีเจ้าของคลิปบอกว่า สิบเอกรายนี้มาเช่ารถวันที่ 9 มกราคม ทำสัญญาเช่า 3 วัน อ้างเอาไปใช้ขนของ

พ่อของสิบเอก ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติจากเรื่องนี้ หลังมีหญิงที่ชื่อว่าปัทมา ที่รู้จักกันผ่านเพื่อนของลูกชาย มาหว่านล้อมขอให้ลูกชายช่วยไปทำสัญญาขอเช่ารถ


ต่อไปนี้เป็นบางช่วงในคลิปเสียง ที่สิบเอกบันทึกไว้เป็นหลักฐาน หลังถูกนางสาวปัทมาบ่ายเบี่ยง ผู้เป็นพ่อจึงมองว่าเรื่องนี้อาจมีขบวนการปั้นเรื่องสร้างตัวละคร หวังประโยชน์บางอย่างหรือไม่

เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า มีการโจรกรรมรถข้ามไปฝั่งพม่าจริงหรือไม่ ข่าว 3 มิติ จึงตรวจสอบกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง กระทั่งได้คลิปเสียงสนทนาระหว่างนางสาวปัทมา กับชายปริศนาคนหนึ่ง

ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างก็มั่นใจในพยานหลักฐาน และได้ลงบันทึกประจำวันและแจ้งความไว้แล้ว จริงเท็จยังไม่ถึงบทสรุป แต่กลุ่มคนที่หลายฝ่ายกำลังกล่าวถึงก็คือ เจ้าหน้าที่บริเวณชายแดน ที่มีภาพปรากฏในคลิปติ๊กต่อก ที่น่าจะตอบคำถามหรือยืนยันได้ว่า มีการโจรกรรมและเข้าไปช่วยเจ้าของรถเจรจาเอารถคืนกลับมา จริงหรือไม่