โชเชียลแชร์คลิปหญิงสาวจิกหัวดึงทำร้ายกันในโรงพัก จนเป็นที่กล่าวถึง สอบถามผู้ลงมือก่อเหตุเผย แค้นใจถูกเพื่อนสมัยเรียนหลอกลวงให้ร่วมลงทุนสูญเงินไปเกือบ 20 ล้านบาท ชีวิตพังเป็นหนี้เป็นสิน แต่เพื่อนที่หลอกลวงเอาเงินไปมีชีวิตอยู่สุขสบาย สาเหตุที่ทำไปในวันนั้นเพราะอัดอั้นแค้นใจ หลังคดีความยังไม่คืบหน้า

ภาพเหตุการณ์ที่ เพจ CCS News เพจข่าวของจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ลงเรื่องราวของหญิงสาวคู่กรณี มีเรื่องด่าทอทะเลาะวิวาทย์ จิกผมกันบนสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาห้าม

นางรวิกร ชุนหะศรี หรืออ้อม หญิงผู้เสียหายในคลิปดังกล่าว ที่พยายามจิกผมคู่กรณีให้มาเจรจาตกลงกันในเรื่องเงินที่หลอกให้ร่วมลงทุน โดยนางรวิกร เปิดเผยว่า ที่ทำไปเพราะโกรธแค้น เนื่องจากคนที่หลอกลวงคือเพื่อนที่เคยเรียนกันมาตั้งแต่สมัยประถม หลอกให้มาร่วมลงทุน เป็นเงินสดจำนวน12 ล้านบาท กู้เงินธนาคารพร้อมดอกเบี้ย ขายรถอีก7คัน รวมกว่า 20 ล้านบาท

ซึ่งวันที่มีการจิกผมขึ้นโรงพัก มันไม่ใช่เหตุการณ์บังเอิญ แต่เป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าคนที่หลอกลวงเธอจะมาโรงพักเพื่อเจรจากับผู้เสียหายคนหนึ่ง ที่สภ.เมืองฉะเชิงเทรา จึงได้นัดกับผู้เสียหายอีกหลายคนบุกมารอที่โรงพักเพื่อเจอตัวเพื่อนคนดังกล่าว

พอเจอหน้าก็โมโห เพราะเจอเพื่อนรักที่ทำให้ชีวิตตัวเองพังลงเป็นหนี้เป็นสินอย่างหนัก ที่จริงก็อยากจะทำมากกว่านี้ ตัวเองก็รู้ว่าตัวเองทำผิด อีกฝ่ายจะแจ้งความกลับก็ได้ แต่ต้องทนทุกข์ทรมานมานานนับปี

โดยปี 63 เพื่อนได้ขอยืมเงิน 5,000 บาทแล้วจะคืน พอถึงกำหนดคืนก็คืนพร้อมดอกเบี้ย 500 บาท จน พ.ค.ปี 64 ก็โทรมาหาบอกว่าจะพาคนมายืมเงิน 500,000 บาท เป็นนายหน้าขายที่ดินแต่หมุนเงินไม่ทัน ชวนฝากโฉนดหากได้เงินจะรีบนำมาคืน พร้อมจ่ายดอกเบี้ย 100,000 บาท ตอนนั้นก็เพราะความไว้ใจเพราะความเป็นเพื่อน และเห็นว่าเดือนเดียวเองไม่นานเท่าไรก็เลยให้ยืมไป

จากนั้นก็ติดต่อมาครั้งที่สอง ชักชวนลงทุนยื่นกู้สินเชื่อให้กับผู้ที่ติดแบล็คลิสต์ มาลงทุนกับธนาคารพาณิชย์พร้อมธนาคารอนุมัติ โดยบอกว่าระยะเวลาไม่นานก็จะได้ดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นคืน ทำให้ลงทุนไป 2 ล้านบาท แต่ไม่ได้เงินคืนตามที่ต้องการ แต่พอทวงถามก็บอกว่าต้องจ่ายเงินเพื่อนำเงินออกจากระบบ

แต่เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนจึงเชื่อใจและโอนเงินให้อีกหลายครั้ง และมีคนตระกูลดังจะมาเคลียร์กับธนาคารเพื่อเอาเงินคืน พร้อมชักชวนลงทุนเชื่อเบิกเงินเกินบัญชี สร้างปั๊มน้ำมันมูลค่า 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นการหลอกครั้งที่ 3 พร้อมบอกว่าคราวนี้จะได้เงินคืนแน่นอน 

โดยเพื่อนและสามีได้โพสต์ภาพ สร้างความน่าเชื่อถือซึ่งถ่ายภาพที่สำนักงานปตท. จนมารู้ความจริงว่าทั้งหมดเป็นเรื่องหลอกลวง ซึ่งตนต้องนำเงินของตัวเองและครอบครัวมาลงทุน แต่มาพบว่าอีกฝ่ายมีซื้อบ้านใหม่ รถใหม่ กินหรูอยู่สบาย ทำให้เกิดแค้นใจมากขึ้น เพราะชีวิตตนเองต้องมาพังเพราะเชื่อใจเพื่อน