เตือนภัย! ทอมแสบเช่ารถ ตีเนียนเที่ยวเหนือ ก่อนส่งข้ามแดนขายเมียนมา

สังคม

เตือนภัย! ทอมแสบเช่ารถ ตีเนียนเที่ยวเหนือ ก่อนส่งข้ามแดนขายเมียนมา

โดย passamon_a

4 ธ.ค. 2564

953 views

นนทบุรี เตือนภัย ทอมแสบตระเวนเช่ารถในเฟซบุ๊ก ส่งขายเมียนมา ตีเนียนขับเที่ยวเหนือ ก่อนส่งข้ามแดน เจ้าของตามไถ่คืนกลับได้จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 ธ.ค.64 ที่สำนักงานทนายความจิตอาสา ในศูนย์การค้าบางใหญ่ซิตี้ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี น.ส.เกตสุดา อายุ 40 ปี เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา เพื่อให้ช่วยติดตามคดีที่ตนเองถูกสาวทอมมาขอเช่ารถ ก่อนนำข้ามฝั่งไปขายประเทศเพื่อนบ้าน ตนเองต้องติดตามรถและเสียค่าไถ่กลับคืนมาหมดเงินไปหลายแสนบาท


น.ส.เกตสุดา เปิดเผยว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมาได้ลงประกาศทางเฟซบุ๊ก เพื่อปล่อยให้เช่ารถยนต์ของตัวเอง เพื่อเป็นการหารายได้พิเศษเสริมอีกทางในช่วงที่โควิดระบาด งานทุกอย่างหยุดชะงัก โดยตนเพิ่งจะเริ่มปล่อยให้เช่ารถยนต์ ได้เพียง 2 เดือน ช่วงแรกยังไม่มีลูกค้าติดต่อเข้ามาขอเช่ารถยนต์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 พ.ย.64 ที่ผ่านมา มีผู้หญิงลักษณะคล้ายทอม ใช้บัญชีทางเฟซบุ๊กว่า Varinthorn Nam (น้ำตาทศกัณฐ์) ทักเข้ามาทางอินบล็อกส่วนตัว เพื่อขอติดต่อเช่ารถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาวของตนเองโดยอ้างว่าจะนำรถยนต์ไปขับท่องเที่ยว และกลับบ้านทางภาคเหนือ เพื่อดูที่ดิน พร้อมเพื่อนสาวเป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-7 พ.ย.ที่ผ่านมา


ด้วยความที่ตนยังเป็นมือใหม่ในการหารายได้เสริมปล่อยให้เช่ารถ จึงได้ขอเพียงถ่ายบัตรประชาชน สาวทอมผู้เช่าคนดังกล่าวเอาไว้ พร้อมกับเข้าไปตรวจดูโปรไฟล์ ในชื่อเฟซบุ๊กดังกล่าวพบว่า ทำงานเหมือนเป็นนายหน้าหรือตัวเเทนทำธุรกิจหลายอย่าง ประกอบกับรถยนต์ของตนได้ติดตั้งระบบติดตาม GPS อย่างดีเอาไว้แล้ว จึงคิดว่าไม่น่ามีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น เพราะชื่อผู้มาติดต่อขอเช่ารถยนต์ก็มีที่อยู่ตามบัตรประชาชนเป็นคนทางภาคเหนือพอดี และรูปภาพตรงปก


ได้ตรวจเช็คระบบสัญญาณ GPS ที่รถยนต์ พบว่าได้ขับเดินทางวิ่งอยู่ ช่วงตั้งแต่วันที่ 4-7 พ.ย. ผู้เช่ารายนี้ตระเวนขับรถยนต์เช็คอินท่องเที่ยวตามร้านกาแฟ และวัด ทางแถบจังหวัดภาคเหนือในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามปกติ


กระทั่งจนถึงกำหนดต้องส่งรถยนต์กลับคืนตน ในวันที่ 7 พ.ย.ตนได้พยายามติดต่อผู้เช่า หลังจากที่ยังไม่มีการแจ้งกลับว่าจะทำการคืนรถยนต์ ซึ่งทางผู้เช่าได้โทรศัพท์ติดต่อกลับมาอ้างว่าจะขอเช่ารถยนต์ต่อเนื่องอีก 3 วัน เพื่อขับดูที่ดินแวะทำธุระที่จังหวัดตาก ก่อนล่องกลับลงมายังกรุงเทพฯ จนถึงวันที่ 10 พ.ย.64 ซึ่งตนเห็นว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะไว้ใจและโปรไฟล์มีความน่าเชื่อถือ ประกอบกับได้ให้เงินไว้ก่อนแล้วจำนวน 5,000 บาท จึงปล่อยให้เช่ารถยนต์ขับต่อไปอีก 3 วัน


จนตนเริ่มติดใจสงสัยอีกครั้ง จากการตรวจสอบสัญญาณ GPS ของวันที่ 11 พ.ย. พบว่ารถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ของตนไปจอดนิ่งสนิทอยู่บริเวณริมแม่น้ำเมย ติดกับฝั่งประเทศเมียนมา ในช่วงเวลา 16.30 น. ซึ่งประกอบกับงานที่ออฟฟิศของตนกำลังยุ่ง ๆ ในช่วงเวลาดังกล่าว เลยพลาดการติดตาม ตรวจเช็คสัญญาณของระบบ GPS ซึ่งในช่วงเวลาอีกเพียงครึ่งชั่วโมงตรวจพบสัญญาณ GPS รถยนต์ของตน ได้ข้ามแดนไปที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นจุดสุดท้ายที่พบระบบติดตามสัญญาณ GPS ได้ขาดหายไปเลย ตนจึงรีบโทรติดต่อกลับหาสาวทอมผู้เช่ารถยนต์ ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลยในขณะนี้


จากนั้นจึงรีบโทรศัพท์เข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าสองยาง จ.ตาก พบผู้กองหนุ่ม ชื่อเล่น ไก่ ปฏิบัติหน้าที่อยู่ แจ้งเรื่องไว้ก่อนว่ารถยนต์ของตนกำลังถูกลักลอบนำออกข้ามฝั่งชายแดนไปขายที่ประเทศเพื่อนบ้านแล้ว โดยปลายสายเสียงของผู้กองหนุ่มตอบกลับมาว่า เชื่อมือผม พร้อมทั้งอ้างว่าผมรู้แล้วว่ารถยนต์ได้ถูกนำลงข้ามฝั่งไปตรงจุดไหน กำลังประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนที่เกี่ยวข้องกันอยู่ กระทั่งได้แชทตอบไลน์กลับมาอีกครั้งว่าไม่สามารถติดตามรถยนต์กลับคืนมาได้แล้ว


ต่อมาได้ทราบจากแหล่งข่าวในพื้นที่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ว่ารถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ สีขาวคันดังกล่าวได้ถูกขายส่งต่อจากสาวทอม ผู้เช่ารถ ไปในราคาเพียง 80,000 บาท และมีอีกทีมหนึ่งซึ่งอยู่ที่บ้านพักรถในพิกัด GPS สุดท้ายตามรูปในฝั่งไทย เป็นผู้นำรถยนต์ขับลำเลียงข้ามแดนไปยังฝั่งพม่าได้ ซึ่งราคาซื้อขายรถยนต์ ฟอร์จูนเนอร์ ในประเทศเพื่อนบ้าน จะซื้อขายกันในราคา 100,000-400,000 บาท


ต่อมาตนจึงได้รีบเดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น เพราะอยู่ในพื้นที่ตอนส่งมอบรถยนต์ให้เช่ากันที่บริเวณหน้าวัดเสมียนนารี ตนคาดว่าน่าจะทำเป็นขบวนการใหญ่ มีทีมติดต่อเช่า มีทีมนำรถยนต์ข้ามฝั่ง นำรถยนต์ส่งข้ามแดนได้ตลอดเวลา แม้ด่านชายแดนจะยังคงปิดอยู่ในช่วงโควิด-19 ระบาดตามที่รัฐบาลประกาศอยู่ก็ตาม โดยอาจจะมีเจ้าหน้าที่ของภาครัฐมีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องในขบวนการส่งรถขายข้ามแดนเรี่องนี้ด้วยหรือไม่ เพราะสามารถนำรถยนต์ข้ามส่งออกได้อย่างง่ายดาย และทุกวันนี้สาวทอมผู้ก่อเหตุยังใช้ชีวิต กินหรู อยู่สบาย ได้ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ขณะที่ตนเองเดือดร้อนลำบากมาก ต้องเดินทางติดตามประสานงาน ไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินไปไถ่รถยนต์ของตนจากกลุ่มชายที่อ้างตัวว่าเป็นทหารเมียนมา และสามารถเอารถออกมาได้ โดยเสียเงินไถ่ถอนเพื่อให้ได้รถกลับมาหมดเงินไป 400,000 บาท ซึ่งชายกลุ่มดังกล่าวหัวหน้าแต่งชุดทหารพม่ายศพันโท ทาปากแดง บอกกับตนว่ารถคันนี้จะเอาไปให้นายใช้ แต่เมื่อเอาเงินมาไถ่ก็เอาคืนไป จากนั้นก็ได้นำรถยนต์ลงแพขนานยนต์ส่งกลับมาฝั่งไทยในพื้นที่ท่าเทียบเรือชายแดนไทย ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ซึ่งอยู่ในเขตดูแลของทางเจ้าหน้าที่ฝั่งเราด้วย


"ที่น่าเจ็บช้ำใจกว่าเดิมก็คือรถตนเองถูกถอดเบาะไฟฟ้าคู่หน้า มูลค่ากว่าแปดหมื่นบาทออก แล้วเปลี่ยนเป็นเบาะธรรมดา"


ตนจึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม หรือศูนย์ป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ (ศปจร.ตร.) และหน่วยเฉพาะกิจทหารตามแนวชายแดน ช่วยตรวจสอบกลุ่มแก๊งส่งขายรถยนต์ข้ามชาติ จับกุมตัวหรือตรวจสอบเส้นทางที่ขบวนการลักลอบนำรถยนต์ส่งขายข้ามแดนในเรื่องนี้ให้ด้วย ทำไมเขาจึงนำรถยนต์ส่งออกขายข้ามแดนได้แบบง่ายดายมากขนาดนี้


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/sdbSZwEW5zc

คุณอาจสนใจ

Related News