จากการปรากฏของโควิดกลายพันธุ์ ‘โอไมคอน’ ที่ทั่วทั้งโลกเป็นห่วงว่าจะเกิดการติดเชื้อระลอกใหญ่ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้แถลงข่าวว่า “ลักษณะการระบาดของโอไมครอน เป็นการระบาดที่ใกล้เคียงกับเดลตา เรื่องอาการรุนแรงไม่พบความรุนแรงที่มากกว่า

ลักษณะการเกิดโรคเหมือนกับไข้หวัด เพลีย ปวดเมื่อย ปวดกล้ามเนื้อ แต่ส่วน 2-3 วันก็จะดีขึ้น ไม่ค่อยมีอาการรุนแรง ที่เรากั้นทางอากาศน่าจะกั้นอยู่ แต่ถ้าลักลอบมาทางบกก็ต้องบอกทางฝ่ายด่าน”

ล่าสุดในสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จำนวนผู้ป่วยในเมืองเกาเทง ที่แอฟริกาใต้ ซึ่งติดเชื้อ เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ หลังจากพบโอไมครอน โดยเพิ่มขึ้นกว่า 330% ภายในสองสัปดาห์หลังพบสายพันธุ์โอไมครอน

ส่วนในไทย ในเพจกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำว่า โอไมครอนมีอาการไม่เยอะ ไม่ไอ ไม่มีผลกระทบเรื่องได้กลิ่นหรือรับรส

ล่าสุดมีรายงานจาก WHO มีข้อมูลว่าโอไมครอนเข้าสู่ยุโรปก่อนที่แอฟริกาใต้จะแจ้งเตือนให้โลกรู้ โดยพบว่าเข้าสู่เนเธอร์แลนด์เร็วกว่าที่คิดไว้ คือ 19-23 พ.ย. ซึ่งแอฟริกาใต้แจ้งว่าพบโอไมครอนวันที่ 24 พ.ย.

เมื่อวานนี้ (30 พ.ย.) หัวหน้าครม. ญี่ปุ่น ยืนยันพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนคนแรก โดยเดินทางมาจากนามิเบีย (1 ใน 8 ประเทศแอฟริกา) เป็นชายวัย 30 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ทูต

ส่วนที่ออสเตรเลีย แม้จะพบผู้ป่วยโอไมครอน แต่ประกาศเพียงว่ามาตรการล็อกดาวน์เป็นแค่มาตรการชั่วคราว เพื่อรอผู้เชี่ยวชาญศึกษาโอไมครอนให้แน่ชัด ถึงค่อยมีนโยบายอื่นต่อไป

ด้านสก็อตแลนด์ ในวันนี้ตรวจพบเพิ่มอีก 3 คน แล้วเมื่อวาน 6 คน รวมเป็น 9 คน สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือมีหลายคนในนี้ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ แสดงว่าโอไมครอนได้กระจายในแระเทศไปแล้ว

ส่วนเรื่องวัคซีน ทางไฟเซอร์ยืนยันว่ากำลังเร่งพัฒนา เพื่อให้ผลิตออกมาได้อย่างเร็ว ขณะที่ผู้บริหารของโมเดอร์น่า ให้ความเห็นว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาจมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเจอกับโอไมครอน ถ้าเทียบกับเดลต้า แต่ยังไม่รู้ว่าลดลงขนาดไหน