ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เตือนให้จับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในไทยช่วงเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นเดือนที่เสี่ยงที่สุดที่โควิด-19 จะกลับมาระบาดอีกครั้ง

ในช่วง 1 เดือนมานี้หลายประเทศในยุโรปเริ่มกลับมาล็อคดาวน์จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ทยอยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผู้ติดเชื้อของไทยวันนี้อยู่ที่ 6,335 คน หายป่วยเพิ่ม 7,218 คน จนถึงขณะนี้ไทยมีผู้ติดเชื้อสะสม 2,088,327 คน รักษาตัวอยู่ 80,657 คน อาการหนัก 1,508 คน ใช้เครื่องช่วยหายใจ 363 คน เสียชีวิตเพิ่ม 37 คน รวมสะสม 20,581 คน

ขณะที่สถานการณ์ผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่เป็นวันเปิดประเทศวันแรก ผ่านมา 24 วัน มีผู้เดินทางเข้าไทยแล้ว 67,769 คน ในจำนวนนี้พบผู้ติดเชื้อ 131 คน คิดเป็นอัตราเฉลี่ย 0.13%

แม้ภาพรวมตลอดช่วงเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์ผู้ติดเชื้อจะดูเบาลง แต่ด้านศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เตือนให้จับตาสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในช่วงเดือนธันวาคมนี้ หลังพบตัวอย่างการระบาดระลอกใหม่ในประเทศแถบยุโรป

โดยระบุว่า ขณะนี้ยุโรปกลายเป็นศูนย์กลาง การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 รอบใหม่ในหลายประเทศ แม้ประชาชนจะฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว แต่ก็ต้องกลับมาล็อคดาวน์อีกครั้ง เช่น ออสเตรีย ลัตเวีย และ เนเธอร์แลนด์ เนื่องจากประชาชนชะล่าใจ ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19

บางคนต่อต้านการสวมหน้ากากอนามัย ทำให้องค์การอนามัยโลก(WHO) กังวลว่าการระบาดในยุโรป จะลุกลามไปยังทวีปอื่น เหมือนเช่นในอดีต เพราะเมื่อทวีปใดเกิดการระบาด ไม่นานก็จะลุกลามไปยังทวีปอื่น

ดังนั้นในช่วงเดือนธันวาคมนี้ จะเป็นช่วงเวลาเสี่ยง ที่โควิด-19 จะกลับมาระบาดหนักอีกครั้ง เพราะเป็นช่วงอากาศหนาวเย็น หลายประเทศเริ่มเปิดประเทศให้เดินทางท่องเที่ยวได้ โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีวันหยุดยาว มีคนเดินทาง และทำกิจกรรมรวมกลุ่ม คล้ายกับการระบาดใหญ่เมื่อเดือนเมษายน จึงแนะนำให้ประชาชนเลี่ยงสถานที่เสี่ยง กิจกรรมเสี่ยง และบุคคลเสี่ยง

ล่าสุดคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติเห็นชอบ "งดการกักตัวในกลุ่มนักท่องเที่ยว" แต่ต้องมีผลรับรองว่าฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และต้องตรวจ RT PCR จากประเทศต้นทาง เมื่อถึงไทย จะต้องตรวจ ATK อีกครั้ง โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมนี้ ซึ่งมติดังกล่าว จะเสนอให้ ศบค. พิจารณาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้