คดีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่จังหวัดนครพนม เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตที่เป็นเยาวชนวัย 15 ปี ไม่ได้รับความเป็นธรรมในรูปคดี เพราะตำรวจไม่สั่งฟ้องคนขับรถสองแภวในข้อหาขับรถประมาทจนทำให้คนตาย แต่กลับตั้งข้อหาว่าประมาทจนทำให้เสียทรัพย์

เหตุการณ์นี้ซับซ้อนขึ้นเมื่อพ่อและแม่ผู้ตายร้องเรียนกระทรวงยุติธรรมว่า ลูกชายถูกรถสองแถวขับทับศรีษะจนกระโหลกแตกและเสียชีวิต แต่ตำรวจตั้งข้อหาคู่กรณีว่า ขับรถโดยประมาท ทำให้เสียทรัพย์ และท้ายที่สุดก็มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งญาติร้องเรียนว่าพนักงานสอบสวนภูธรเมืองนครพนม

พ่อและแม่ นายคฑาทรัพย์ ยื่นหนังสือให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมช่วยติดตามคดีที่ลูกชายวัย 16 ปี เสียชีวิตจากอุบัตเหตุรถจักรยานยนต์เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ ซึ่งครอบครัวเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี เพราะมีประจักษ์พยานหลายปากเห็นว่าคู่กรณีขับรถยนต์ทับศรีษะผู้ตาย แต่คู่กรณีกลับไม่ถูกดำเนินคดีเลย

พ่อของผู้ตาย อ้างถึงเหตุการณ์ว่าลูกชายขี่รถจักรยานยนต์จะเฉี่ยวชนสามล้อ จึงหักหลบและล้มลง เป็นจังหวะเดียวกับที่รถสองแถว ขับแซงขึ้นมาและทับศรีษะจนเสียชีวิต

เหตุการณ์นี้ไม่มีกล้องวงจรปิด แต่มีพนักงานปั้มน้ำมัน และผู้สัญจรผ่านบริเวณนั้นเป็นประจักษ์พยาน พ่อและแม่ผู้ตายอ้างว่าได้ไปพบตำรวจ ได้คำตอบว่าลูกชายขี่รถจักรยานยนต์ยกล้อ แล้วพลาดล้มเอง โดยอ้างว่ามีกล้องวงจรปิด

แต่ครั้นขอดูเพื่อให้คลายสงสัย ตำรวจกลับบอกว่ากล้องเสีย เขาจึงขอให้ตำรวจส่งศพไปชันสูตร รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น และแผนกนิติเวช รพ.ตำรวจ ทราบผลเบื้องต้นว่าศรีษะถูกกระทบด้วยของแข็งและมีรอยล้อรถบนใบหน้า

ทีมข่าวขอตรวจสอบใบชันสูตร แต่พ่อผู้ตายระบุว่าตำรวจไม่ให้สำเนาหรือถ่ายภาพผลตรวจ และตำรวจก็ส่งศพชันสูตรอีกรอบที่รพ.นครพนม แต่ได้ผลไม่ตรงกับ 2 แห่งแรก ทำให้ตำรวจมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีนี้

ประเด็นที่พ่อและแม่ร้องว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมคือ ตำรวจตั้งข้อหาคนขับว่าขับรถโดยประมาท ให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ และก็สั่งไม่ฟ้องคดีนี้ด้วย โดยไม่ได้ตัง้ขัอหาขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายอย่างไรก็ตาม เขาตั้งข้อสังเกตุว่า ถ้าทำคดีรอบคอบต้องเรียกประจักษ์พยานทุกคนมาสอบ และต้องแสวงหาคู่กรณีคือรถสามล้อ ที่หลบหนีไปมาเข้าสำนวนด้วย แต่ที่ผ่านมาครอบครัวทราบความคืบหน้าคดีเพียงแค่ บันทึกประจำวัน และผลของคดีว่าสั่งไม่ฟ้อง ทำให้ครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรม

เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งรับเรื่องร้องเรียน ระบุว่ายังอยู่ระหว่างแสวงหาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ระหว่างนี้ จะประสานให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ชันสูตรศพอีกครั้ง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเทียบเคียง และหากมีข้อเท็จจริงเพียงพอ ญาติก็ยังมีสิทธิ์ฟ้องคู่กรณีเองได้

ก่อนหน้านี้ครอบครัวผู้ตายยื่นหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความเป็นธรรมและให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพฤติกรรมพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีดังกล่าว แต่ญาติระบุว่าไม่คืบหน้า จึงมาร้องกระทรวงยุติธรรมอีกครั้ง