เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีคนร้ายเป็นชายบุกเดี่ยวใช้ปืนจี้ชิงทอง ใกล้ตลาดวันเดอร์ ย่านบางแค ตำรวจได้รับแจ้งเหตุ ใช้เวลาแค่ 10 นาที ปูพรมตามรวบได้พร้อมของกลาง

วินาทีที่ตำรวจสายตรวจปฎิบัติการพิเศษ หรือ 191 นำกำลังเข้าจับนาย สหวัสส์ กุศลกิจเจริญ อายุ 33 ปี ที่ริมคลองพระยาราชมนตรี ถนนเพชรเกษมสายเก่า แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กรุงเทพ หลังใช้ปืนลูกโม่ชิงทรัพย์ร้านทองอุดมพรรณ ตั้งอยู่ข้างตลาดวันเดอร์ บางแค เมื่อประมาณ 9 โมง 40 นาทีที่ผ่านมา ได้สร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาทไป 1 เส้น พอค้นตัวก็เจอสร้อยคอและปืนลูกโม่พร้อมกระสุน อยู่ในกระเป๋าเสื้อนอกด้วย

ปฏิบัติการครั้งนี้ตำรวจใช้เวลาเพียง 10 นาที ก็ติดตามตัวคนร้ายได้ และจุดที่คนร้ายโดนจับก็ห่างจากร้านทองไปเพียง 400 เมตรเท่านั้น

จากนั้นคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ร้านทองอุดมพรรณ 5 ใกล้กับตลาดวันเดอร์ ย่านบางแค ตามคำให้การของพนักงานร้านทองบอกว่า คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ มาจอดที่หน้าร้าน แล้วเดินเข้าไปภายในร้าน บอกกับพนักงานหญิงว่า "ขอทอง จะเอาไปให้ภรรยา" ซึ่งตอนนั้นพนักงานชายอีกคนเห็นแล้วว่า คนร้ายถือปืนอยู่ด้านหลัง จึงไปถามว่า "จะเอาเส้นไหน" คนร้ายบอก "เส้นไหนก็ได้" จึงหยิบสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท ส่ง พอคนร้ายได้ก็บอกว่า "ขอบคุณครับ" และเดินออกไปหน้าร้าน พร้อมกับเอาสร้อยทองสวมคอหลบหนีออกไป โดยทิ้งรถจักรยานยนต์ไว้ที่หน้าร้าน พอตำรวจตรวจสอบทะเบียนรถ ทำให้รู้ที่อยู่จึงนำกำลังไปติดตามจนเจอที่บ้าน

และก่อนที่คนร้ายจะลงมือ กล้องวงจรปิดหน้าร้านทองยังบันทึกภาพวินาที ที่ นาย สหวัสส์ เดินมาดูลาดเลาหน้าร้านก่อนเกิดเหตุไว้ได้ด้วย

หนึ่งในพยานที่เห็นที่เหตุการณ์ เป็นแม่ค้าที่ขายของอยู่หน้าร้านทอง เล่าว่า คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าร้านของเธอ จากนั้นก็เดินเข้าไปสักพัก ก่อนจะออกมาพร้อมปืน แล้วเดินผ่านเธอไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทีแรกจะถ่ายภาพ แต่เห็นปืนเลยกลัวไม่กล้าถ่าย

พลตำรวจตรี โชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ผู้ต้องหามีอาชีพขายไส้กรอกอีสานอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ย่านพุทธมณฑลสาย 1 มีรายได้วันละ 300-400 บาท แต่ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ค้างค่าไฟ 3 เดือน เป็นเงินหมื่นกว่าบาท

ส่วนภรรยาทำงานบริษัทรายได้ไม่พอใช้ในครอบครัว เพราะต้องดูแลลูกอีก 3 คน อายุ 9 ขวบ 10 ขวบและ 11 ขวบ จึงตัดสินใจก่อเหตุเพื่อต้องการนำสร้อยทองไปให้ภรรยาเพราะที่บ้านไม่มีเงินเหลือแล้ว ซึ่งการก่อเหตุในครั้งนี้ไม่ได้มีการเตรียมการมาก่อนหน้า เป็นการตัดสินใจก่อเหตุทันที ที่สบโอกาส ส่วนอาวุธปืนเป็นของพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วมอบไว้ให้ ซึ่งเขามักจะพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา

ส่วนที่จอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้ ก็เพราะต้องการให้ตำรวจตามมาจับได้ง่ายๆ พร้อมยืนยันว่า ครอบครัวก็ไม่รู้ว่าผู้ต้องหามาก่อเหตุ ในเบื้องต้น ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา นาย สหวัสส์ ฐานชิงทรัพย์ และ พ.ร.บ.อาวุธปืน คุมตัวดำเนินคดีที่ สน.เพชรเกษม

ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/sGf7cDs58Bc