กรณีเหตุฆาตกรรมภายในบ้านพัก หมู่ที่ 6 ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดยคนร้ายได้ก่อเหตุใช้ของมีคมฆ่า น.ส.รัฐคณิศร จารุภัทรกิตติโชติ อายุ 56 ปี เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด เรติ กรุ๊ฟ ที่รับทำเกี่ยวกับโครงข่ายอินเตอร์เน็ต เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพัก และยังทำร้ายนายรุจิภาส โชติธรรม อายุ 22 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ส่วนสาเหตุ ทางตำรวจ ตั้งปมไว้ 2 ประเด็น คือเรื่องส่วนตัวและฆ่าชิงทรัพย์ เนื่องจากตรวจสอบภายในบ้านหลังดังกล่าว พบว่ามีร่องรอยการต่อสู้ และการรื้อค้นเอาทรัพย์สินไปหลายรายการ โดยเฉพาะสร้อยทองที่ผู้ตายใส่ติดตัว 2 บาท ถูกคนร้ายเอาไปด้วย ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมาทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายชโนชัย วงแสน เจ้าของธุรกิจน้ำดื่ม ซึ่งมีบ้านอย่างห่างจากบ้านที่ก่อเหตุไปประมาณ 100 เมตร และหลังก่อเหตุ ได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ด้านนางขนิษฐา ศีลธรรม ซึ่งเป็นแฟนของ น.ส.รัฐคณิศร คนตาย เปิดเผยว่า ผู้ตายเป็นทอม ส่วนคนเจ็บเป็นลูกของตน โดยแต่เดิมทั้งตนและแฟนรวมถึงลูก มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ แต่ได้ย้ายมาทำธุรกิจอยู่ที่นครสวรรค์ ได้เกือบ 30 ปีแล้ว และแต่เดิมตนกันแฟนมีบ้านอีกหลังหนึ่ง อยู่เยื้องฝั่งตรงข้ามบ้านที่เกิดเหตุ ส่วนบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านที่แฟนเพิ่งก่อสร้างให้กับลูกชายของตน

เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบคนร้ายเป็นคนในละแวกบ้านที่รู้จักกันดี แถมแฟนของตนก็เคยให้การช่วยเหลือในเรื่องเงินทองกับเขาอยู่บ่อยๆ ซึ่งไม่น่าจะมาก่อเหตุแบบนี้ ตนโกรธมาก และตนได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วว่า ตนขอตั้งเงินรางวัลในการนำจับ 1 แสนบาท ให้ลากคอคนร้ายรายนี้มาชดใช้กรรมให้ได้ ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น เท่าที่ตนทราบ คนร้ายเขามีหนี้นอกระบบ และน่าจะโดนกดดันอย่างหนัก จึงมาก่อเหตุ

ทั้งนี้ จากการสอบสวนสืบสวนเบื้อต้นทราบว่า คนร้ายกับผู้ตายเคยทำงานเป็นเจ้านายกับลูกน้องกันมาก่อน และผู้ตายได้เคยให้เงินให้ทองกับคนร้ายเพื่อไปลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งประเด็นน่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเข้าใจว่าคนร้ายไม่น่าจะเตรียมการมาก่อน เนื่องจากการดูกล้องวงจรปิดคนร้ายได้ขี่จักรยานยนต์เข้ามาในบ้านไม่ได้สวมหมวกกันน็อก แล้วน่าจะเข้ามาคุยหรือเคลียร์ปัญหากับผู้ตาย สำหรับอาวุธที่ใช้ก่อเหตุน่าจะเป็นมีดที่อยู่ภายในบ้านของผู้ตาย

ด้านแม่ของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ลูกชายเคยถูกเท้าโกงแชร์ไป ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และไม่ทราบว่า วงแชร์ดังกล่าวเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าทำให้ลูกชายเครียดมาก จนต้องมีการไปกู้ยืมหนี้สินนอกระบบอยู่หลายครั้งๆ 2-3 หมื่นบาท แต่ก็ปิดหนี้เหล่านั้นหมดแล้ว

จนกระทั่งมาได้รับความช่วยเหลือจากผู้ตาย ให้ยืมเงินมาทำธุรกิจโรงงานผลิตน้ำดื่ม โดนตอนแรกผู้ตายให้เงินมาหวังเป็นหุ้นส่วนร่วมธุรกิจด้วย แต่เกิดเปลี่ยนใจให้ยืมแทน เป็นเงินรวมกันทั้งหมด 9 แสนบาท โดยเป็นหนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว

ส่วนบ้านหลังที่ลูกชายปลูกสร้าง ได้สร้างไว้นานแล้ว แต่เมื่อ 3 ปีก่อน ลูกชายเอาไปจำนองไว้กับธนาคารเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท แต่ตอนนี้ผ่อนลงมาเหลือ 9 แสนกว่าบาท ซึ่งที่ผ่านมา แม้จะรู้ว่าลูกชายมีปัญหาเรื่องเงิน แต่ก็ไม่มีทีท่าที่จะไปก่อเหตุโหดร้ายอะไรแบบนี้

จนกระทั่งมาทราบเรื่องว่าลูกชายไปฆ่า น.ส.รัฐคณิศร ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ ทำให้ตนรู้สึกเสียใจสุดๆ ที่ไม่น่าเลือกทางออกแบบนี้ จึงอยากให้รีบกลับมามอบตัวชดใช้ความผิด