วันศุกร์นี้ ก.แรงงาน เตรียมเสนอ ศบค.จ้างแรงงานข้ามชาติ จากกัมพูชา-ลาว-เมียนมา แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในประเทศ และป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย

กระทรวงแรงงานเตรียมเสนอจ้างแรงงานข้ามชาติจากกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งเป็นแรงงานตาม MOU ต่อศบค.ในวันศุกรที่จะถึงนี้ เพื่อเร่งแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในประเทศ และป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตั้งเป้านำเข้าแรงงานข้ามชาติให้ได้ในอีก 30 วันข้างหน้า พร้อมกำหนดขั้นตอนกักตัวและฉีดวัคซีนให้แรงงานที่จะเข้ามาทำงานในประเทศ

ที่ประชุมร่วมระหว่างกระทรวงแรงงาน กับ กับ กระทรวงสาธารณสุข ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กอ.รมน. และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ข้อสรุปถึงมาตรการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน หลังจากเข้าสู่การเปิดประเทศตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งผลสำรวจพบว่าภาคธุรกิจตองการจ้างแรงงานข้ามชาติ มากถึง 4 แสนอัตรา

มาตรการดังกล่าว กำหนดให้นายจ้างต้องแจ้งรายละเอียดความพร้อมในการรับแรงงานเข้าประเทศ ซึ่งแรงงานต้องตรวจโควิดจากประเทศต้นทาง ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง เข้าประเทศไทย

เมื่อถึงประเทศไทยต้องแสดงผลตรวจต่อเจ้าหน้าที่ และนายจ้างเตรียมพาหนะพาแรงงานไปสถานที่กักตัว หากพบเชื้อ ที่จะนำไปรักษา หากไม่พบเชื้อ ก็นำไปฉีดวัคซีน ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียด ค่าใช้จ่าย และและระยะเวลากักตัว ที่นายจ้างต้องศึกษาให้ละเอียดและร่วมปฎิบัติตาม จึงจะเข้าทำงานในสถานประกอบการได้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานระบุว่า ประเทศไทยเตรียมวัคซีนไว้ 4-5 แสนโด้ส เพื่อฉีดให้แรงงานข้ามชาติในวันสุดท้ายของการกักตัว แรงงานที่ฉีดครบ 2 โด้ส ต้องกักตัว 7 วัน หากฉีดมาแล้ว 1 โด้ส หรือยังไม่เคยฉีดมาก่อน ต้องกักตัว 14 วัน ระหว่างกักตัว ต้องตรวจด้วยวิธี RT-PCR ด้วย ทั้งหมด 2ครั้ง และนายจ้างต้องจ่ายค่าสถานที่กักกัน ค่าตรวจเชื้อ ค่ารักษากรณีแรงงานติดเชื้อ รวมถึงการซื้อประกันชีวิตกรณีติดเชื้อ เพื่อให้มีเงินไว้รักษาแรงงานข้ามชาติโดยตรง

มาตรการดังกล่าว จะเสนอต่อ ที่ประชุม ศบค.ในวันศุกร์ที่ 12 นี้ และคาดว่าภายใน 30 วันนับจากนี้ จะนำเข้าแรงงานตาม MOU ดังกล่าวได้

นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่าแนวทางดังกล่าวจะลดปัญหาขาดแคลนแรงงาน ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดการนำเข้าแรงงานผิดกฎหมาย โดยไม่ได้ตรวจโควิดในตอนนี้ และเชื่อว่าผู้ประกอบการพร้อมรับภาระค่าใช้จ่าย ส่วนรัฐบาลให้เป็นผู้จัดหาวัคซีนให้แรงงาน ซึ่งจะทำให้ระบบเศรษฐกิจเดินต่อไปได้.