นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งกับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ว่า ข้อมูลจากอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ วันนี้ (9 พ.ย.) น้ำทะเลจะหนุนสูงกว่าวานนี้ (8 พ.ย.) ซึ่งความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางจะอยู่ที่ 2.23 เมตร ในเวลา 11.26 น. ขณะที่วานนี้ (8 พ.ย.) ระดับน้ำสูงสุดที่วัดได้อยู่ที่ 2.16 เมตร ในเวลา 09.55 น. บริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ

ฉะนั้นระดับน้ำจะล้นตะลิ่งรอบแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทางกทม.วางแนวคั้นกั้นน้ำไว้หรือไม่นั้น ทางอธิบดีกรมอุตุฯ บอกว่าไม่น่าจะเข้าท่วมได้ เนื่องจากกันกั้นน้ำที่ทางกทม.ได้สร้างไว้สูงถึง 3 เมตร ซึ่งเป็นคันกั้นน้ำคอนกรีตที่สร้างตั้งแต่เมื่อครั้งเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 54

ส่วนสาเหตุที่เกิดน้ำท่วมวานนี้ (8 พ.ย.) เนื่องจากน้ำทะเลหนุนสูงจนทำให้คันกั้นน้ำแตกโดยเฉพาะบริเวณสะพานซังฮี้ สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังต่อจากนี้คือคันกั้นน้ำ และขอให้ปชช.ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเฝ้าระวังระดับน้ำซึ่งระดับน้ำในช่วงเวลา 11.26 น. วันนี้ (9 พ.ย.) ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่ระดับน้ำขึ้นสูงสุด

ส่วนพื้นที่สมุทรปราการซึ่งเป็นพื้นที่ปากแม่น้ำติดกับทะเล อธิบดีกรมอุตุฯ ขอเตือนปชช.ที่บ้านอยู่ติดกับแม่น้ำต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษเนื่องจากเท่าที่ทราบไม่มีคันกั้นน้ำ

ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังตรวจสถานการณ์น้ำในถนนทรงวาด เขตสัมพันธวงศ์ว่า ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา น้ำทะเลหนุนสูงและมีมวลน้ำเหนือไหลลงมา ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น ที่ระดับ 2.30 ม.

ทำให้มีชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำและบ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณแนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่ง กทม. ได้เรียงกระสอบทรายเพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันน้ำท่วมแล้ว แต่ด้วยระดับน้ำที่สูงกว่าคาดการณ์ไว้ประมาณ 50-60 ซม. ทำให้น้ำล้นตลิ่งในช่วงที่มีคันกั้นน้ำชั่วคราวหลายจุด

เบื้องต้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งนำกระสอบทรายกั้นน้ำที่ไหลเข้ามา พร้อมทั้งแจกจ่ายกระสอบทรายบางส่วนให้ประชาชนเพื่อลดผลกระทบ

“กทม. ต้องขออภัยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำที่ล้นเข้าในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กระทบต่อชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชน และทำให้การจราจรในหลายพื้นที่มีปัญหา และเจ้าหน้าที่ยังคงติดตามแก้ไขสถานกาณ์ และดำเนินการจัดเรียงกระสอบทรายในจุดเสี่ยงเพื่อป้องกันและรองรับน้ำที่จะขึ้นสูงอีกครั้งในช่วงเย็น ระหว่างเวลา 16.00-19.30 น. และช่วงเช้าของวันนี้ (9 พ.ย.) ”

ขณะที่นายศักดิ์ชัย บุญมา รองผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร ชี้แจงว่า หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ระดับน้ำทะเลหนุน จะต่ำกว่าเขื่อนกั้นน้ำของกทม.แค่เมตรกว่า แต่เมื่อมีน้ำเหนือระบายลงมาทำให้ดันน้ำทะเลสูงขึ้นมาถึง 2 เมตรกว่า

ส่งผลทำให้น้ำล้นช่องว่างเขื่อนและกระสอบทรายที่ไปจัดเรียงไว้ โดยเฉพาะพื้นที่ราษฎรบูรณะ ,สัมพันธวงศ์ ,พระราม 3 ที่ล้นท่วมถนนในหลายเส้นทาง ประกอบกับในพื้นเอกชน ได้มีการรื้อกระสอบทรายออก อีกทั้งความแรงของเรือที่วิ่งทำให้กระสอบทรายพัง จึงได้ประสานกรมเจ้าท่าให้งดเดินเรือช่วงน้ำทะเลหนุน

ทั้งนี้ช่วงค่ำที่ผ่านมาได้เตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว โดยได้เสริมกระสอบทรายเพิ่ม ซึ่งน้ำทะเลจะหนุนน้อยกว่าช่วงเช้าวานนี้ (8 พ.ย.) ผลกระทบก็จะน้อยกว่า

ด้านนายสรรเสริญ เรืองฤทธิ์ หัวหน้ากลุ่มงานระบบโทรมาตร สำนักการระบายน้ำ กทม.กล่าวว่า วานนี้ (8 พ.ย.) น้ำทะเลหนุนสูงกว่าเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 1 เซนติเมตร แต่ระดับน้ำทะเลที่ขึ้นมา ตรวจวัดได้จริงสูงกว่าวันที่ 7 พ.ย. 32 เซนติเมตร น่าจะทำลายสถิติสูงสุดของปีนี้ ส่งผลพื้นที่นอกคันกั้นน้ำได้รับผลกระทบ / จึงขอแจ้งเตือนชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา 11 ชุมชน 239 ครัวเรือน ในพื้นที่ 7 เขต ต้องเฝ้าระวังด้วย

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/aXAntvrW5QU