สื่อญี่ปุ่นตีข่าว สายไฟไทยพันกันรุงรัง 80% ไม่ได้ใช้งาน แซะใช้เวลาถึง 200 ปี ในการเอาลงดิน

ต่างประเทศ

สื่อญี่ปุ่นตีข่าว สายไฟไทยพันกันรุงรัง 80% ไม่ได้ใช้งาน แซะใช้เวลาถึง 200 ปี ในการเอาลงดิน

โดย weerawit_c

7 พ.ย. 2564

6.1K views

เพจเฟซบุ๊ก 'Japan Guide Book'ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ระบุว่า "สื่อญี่ปุ่น Abema Times ทำสกู๊ปข่าวและลงพื้นที่ พาชมสภาพสายไฟตามท้องถนนในไทย ในคลิปข่าวผู้สื่อข่าวได้รายงานว่าที่ไทยมีสายไฟจำนวนมากที่พันกันยุ่งเหยิงราวกับถักไหมพรม ดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนไทยไปแล้ว แต่สายไฟเหล่านี้อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตและเพลิงไหม้ได้


ผู้สื่อข่าวอธิบายว่า ภาพแบบนี้ไม่ได้มีแค่ในกรุงเทพฯ ส่วนสายไฟที่ยุ่งเหยิงพันกันนั้น เป็นสายที่มาจากหลายหน่วยงาน ทั้งสายโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ทีวี เคเบิลทีวี และกล้องวงจรปิด เขาได้ไปถามผู้เชี่ยวชาญ ได้คำตอบว่าเกือบ 80% คือสายไฟที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ถ้าถามคนในพื้นที่ บ้างก็จะตอบแนวประชดประชันว่า "แม้แต่ช่างไฟก็ยากที่จะบอกว่า อันไหนใช้ได้ อันไหนใช้ไม่ได้"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่ารัฐบาลไทยวางแผนเรื่องนำสายไฟลงดินมาตั้งแต่ปี 2527 แล้ว เส้นทางที่จะเอาลงดินในพื้นเขตที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีระยะทางถึง 230 กม. แต่ตอนนี้ทำเสร็จไปแค่ 20% เท่านั้น การที่เจ้าของสายไฟมาจากหลายหน่วยงาน และทางรัฐบาลเองก็ไม่มีหน่วยงานเจ้าภาพที่สั่งการ ก็มีส่วนทำให้ไม่คืบหน้าด้วย ผู้เชี่ยวชาญกล่าวยังกล่าวว่า "ถ้าอยู่ในสปีดแบบปัจจุบันนี้ กว่าจะเอาสายไฟและอุปกรณ์ทั้งหมดลงใต้ดินได้ น่าจะใช้เวลากว่า 200 ปี"


ปัญหาสายไฟถูกหยิบยกเอามาเป็นประเด็นเมื่อรัสเซล โครว์ ดาราฮอลิวูดชื่อดัง ได้มาถ่ายภาพสายไฟเอาไว้และเผยแพร่ไปทั่วโลกผ่านทางทวิตเตอร์ของเขา ก่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในไทย ในวันถัดมาการไฟฟ้าฯที่ดูแลสายไฟ ก็ทำการติดต่อไปยัง กสทช. ให้ดำเนินการแก้ไข ในขณะที่คนกรุงเทพฯ ก็ต่างพูดกันว่า "มันควรจะแก้ไขตั้งแต่ต้นแล้ว" และ "รู้สึกอาย"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความจริงก่อนหน้านี้ "บิล เกตส์" ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ ก็เคยโพสต์ภาพสายไฟพันกันลงในเฟซบุ๊กของเขา หลังจากโพสนั้นก็มีกระแสตอบกลับจากคนไทยว่า "ที่เห็นยุ่งเหยิงนั้นไม่ใช่สายไฟ" และงานฝังสายไฟลงใต้ดินก็คืบหน้าไปได้เร็วขึ้น คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน การไฟฟ้าฯ ก็ออกมาสั่งการในทันที ดังนั้นอาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นมา อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลก็ไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การจัดตั้งหน่วยงานดูแลเรื่องนี้เฉพาะ เวลาไปถามคนไทยก็จะคงจะตอบว่าไม่ได้คาดหวังอะไรมาก"

คุณอาจสนใจ