จากกรณีมีรถขับย้อนศรมาบนถนนกำแพงเพชร 7 คู่ขนานถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และมีรถจักรยานยนต์ตำรวจนำมา ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ล่าสุดรองผู้กำกับจราจร สน.มักกะสัน แจงแล้ว เป็นความผิดพลาดของตำรวจที่ไม่ได้แจ้งประชาชนก่อนว่าเปิดให้วิ่งทางเดียวในชั่วโมงเร่งด่วน

คลิปนี้มีความยาวประมาณ 1 นาที 17 วินาที เป็นภาพจากกล้องหน้ารถของหญิงคนหนึ่ง ขณะขับรถบนถนนกำแพงเพชร 7 คู่ขนานถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งเป็นถนนที่วิ่งสวนทางกัน 2 เลน ปรากฎว่ารถฝั่งที่สวนมาค่อนข้างติดขัด จึงมีรถวิ่งย้อนศรมาที่เลนของเธอ และมีรถจักรยานยนต์ของตำรวจ 2 คัน นำรถเบนซ์ที่เปิดไฟฉุกเฉินขอทางมา ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า เป็นรถนำขบวน VIP ที่ทำผิดกฎจราจรใช่ไหม?

วันนี้ทีมข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ช่วง 7-8 โมงเช้า พบว่ารถวิ่งสวนทางกัน 2 เลนไม่ได้เป็น one way แม้จะเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนก็ตาม และการจราจรก็ไม่ได้หนาแน่นเหมือนในคลิป

ทีมข่าวจึงสอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่บริเวณนั้น บอกว่า ไม่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อวานนี้จึงไม่ทราบว่าเป็นรถนำขบวนจริงหรือไม่ แต่ปกติแล้วถนนตรงนี้ถ้าเป็นช่วงเช้าประมาณก่อน 9 โมง จะมีตำรวจเอาแผงมากั้นไม่ให้รถเลี้ยวเข้ามาเพื่อให้เป็น one way พอมีสถานการณ์โควิด รถวิ่งน้อยลง จึงเปิดให้รถวิ่งสวนทางกันตามปกติ แต่ถ้าเป็นช่วงบางวันที่รถติด ก็จะมีรถยนต์วิ่งย้อนศรขึ้นมาอีกเลนเป็นประจำ พอเจอกับรถที่วิ่งมาตามทางปกติก็บีบแตรใส่กันบ่อย

ส่วนที่บริเวณปากทางที่เลี้ยวเข้าจากถนนเพชรอุทัย พบว่าเช้านี้มีแผงกั้นพร้อมป้ายห้ามเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบทางรถไฟ ตั้งแต่ 06.00-08.30 น. ซึ่งชาวบ้านที่ขายของบริเวณนั้นบอกว่าเจ้าหน้าที่เพิ่งเอาป้ายมาตั้งเมื่อเช้านี้ หลังจากไม่ได้กั้นมาประมาณปีกว่าแล้ว

ขณะที่ทีมข่าวพยายามสอบถามข้อมูลจากตำรวจจราจรในพื้นที่ ได้รับคำตอบว่าให้ถามกับผู้บังคับบัญชาโดยตรง เดี๋ยวคำตอบจะไม่ตรงกัน

ด้านพันตำรวจโท พจนาจ งบพิมาย รองผู้กำกับจราจร สน.มักกะสัน ชี้แจงว่า ปกติแล้วการจราจรช่วงเช้ารถจะค่อนข้างแน่น จึงจัดการจราจรบนถนนเส้นเลียบทางรถไฟให้เป็น one way ในช่วงเช้า เวลา 06.00-08.30 น. โดยนำแผงมากั้นไม่ให้เลี้ยวเข้ามาจากถนนเพชรอุทัย เพื่อเร่งระบายรถ แต่ตั้งแต่ช่วงสถานการณ์โควิด ส่วนใหญ่ work form home ทำให้การจราจรเบาบางลง จึงเปิดให้วิ่งได้ทั้ง 2 เลนสวนทางกันตามปกติ

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามในคลิป ตำรวจยังไม่ได้กลับไปบังคับ one way ในช่วงเช้า รถจึงติดมาก ตำรวจจราจรจึงรีบขี่ไปเพื่อจัดการจราจร นั่นคือ รถจักรยานยนต์คันแรก ส่วนรถจักรยานยนต์คันที่สองเป็นรถของ สน.ทองหล่อ ซึ่งบังเอิญขับขี่มาพร้อมกันพอดี และยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับรถเบนซ์ในคลิปที่ขับตามมา คาดว่าจะเป็นการขับสวนเลนตามๆ กันขึ้นมา ดังนั้นเคสนี้ผู้หญิงที่ขับรถมาถือว่าวิ่งมาถูกทาง ส่วนจะปรับรถที่ย้อนศรหรือไม่ รอผู้บังคับบัญชาพิจารณา

ส่วนเจ้าของรถเบนซ์สีขาว คือ นายแพทย์ บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ทีมข่าวได้รับคำยืนยันจาก หมอบุญ ว่า ในวันเกิดเหตุเขานั่งอยู่ในรถ และขับมาในเส้นทางที่ถูกต้องในชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งใช้เส้นทางนี้มาเป็น 10 ปี จากบ้านย่านสุขุมวิท เลี่ยงรถติดเพื่อไปทำงานที่บริษัทย่าน อสมท. พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีตำรวจนำขบวน เพียงแต่มาทำหน้าที่ ในช่วงจังหวะเวลานั้นพอดี แต่ก็ยอมรับว่า ที่ผ่านมาเคยใช้รถตำรวจนำขบวนบ้าง ปีละ 2-3 ครั้ง ขณะไปประชุมกับบรรดารัฐมนตรีในช่วงเวลาที่รถติด

ตาม พรบ.จราจรทางบก ระบุว่า ผู้ที่ขับรถย้อนศีมรโทษปรับ 500 บาท และขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000-10,000 บาท

และช่วงที่ทีมข่าวเราลงพื้นที่ไปเจอภาพน่าสลดเมื่อมีแมวตัวหนึ่งถูกรถทับ ขณะพยายามข้ามถนนด้วย ทีมข่าวก็เข้าไปช่วยนำร่างแมวที่ตายออกมาจากถนน ซึ่งประชาชนแถวนี้บอกว่าแถวนี้รถเยอะโดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน ขนาดหมา แมวที่ข้ามถนนยังรอดยาก