จากกรณีแม่ชีภัทราวดี หรือ แม่ชีพรรณ อายุ 56 ปี หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างปฏิบัติกรรมฐาน ที่วัดป่าถ้ำผาผึ้ง ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 29 ตุลาคม ญาติจึงไปแจ้งความที่ สภ.ไชยปราการ

ด้านแม่ชีบุญ ที่ปฏิบัติธรรมอยู่ในกุฏิใกล้ ๆ กัน เล่าว่า แม่ชีพรรณปฏิบัติกรรมฐานด้วยตนเองอย่างเคร่งครัด เป็นเวลา 7 วัน โดยแต่ละวัน จะลงมากินข้าวเพียงมื้อเดียวแล้วกลับไปปฏิบัติกรรมฐานต่อ

โดยช่วงเย็นของวันที่ 29 ตุลาคม แม่ชีพรรณได้มาหาที่กุฎิ ในสภาพร่างกายที่ซูบผอม จึงชวนทานอาหารร่วมกัน จากนั้นก็กลับกุฏิไป พร้อมกับหอบที่นอนหมอนมุ้งมาขอนอนอยู่ที่กุฏิด้วย โดยบอกว่า มีภูตจิตวิญญาณชายหญิงมาก่อกวน ทำให้นอนไม่หลับ ก็อนุญาตให้นอนด้วย

แต่พอตกกลางคืน ประมาณ 5 ทุ่ม แม่ชีพรรณได้หายไป ตอนแรกคิดว่าลงไปห้องน้ำ แต่จนเช้าก็ยังไม่กลับมา ทางวัดจึงได้แจ้งให้ญาติแม่ชีพรรณทราบ และเริ่มออกตามหา โดยเจ้าหน้าที่ช่วยกันระดมทีมค้นหา ทั้งการบินโดรน และเดินเท้าตามหาภายในถ้ำของวัดป่าถ้ำผาผึ้ง แต่ก็ไม่พบตัว

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจค้นในกุฏิของแม่ชีพรรณ พบโทรศัพท์ 2 เครื่อง ปิดเครื่องอยู่ และพบจดหมายฉบับหนึ่งเขียนด้วยลายมือ 2 หน้ากระดาษ มีข้อความเขียนสั่งเสียว่า เมื่อเสียชีวิตไปให้ส่งโรงพยาบาลไม่ต้องเป็นภาระใด และเขียนบอกให้มอบเงินให้แต่ละคน พร้อมหมายเลขบัญชีธนาคารไว้

กระทั่งบ่ายโมงวานนี้ (31 พ.ย.) ทีมค้นหานำสุนัขดมกลิ่นออกตามหาพื้นที่ใกล้วัด ไปจนถึงบริเวณแทงค์น้ำสวนลำไยของชาวบ้าน ที่เจ้าของสวนลำไยได้ยินแว่วจากแทงค์น้ำ จึงให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ พบร่างแม่ชีพรรณนอนอยู่ในแทงก์น้ำสภาพอ่อนเพลีย จึงช่วยกันนำร่างขึ้นมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาลไชยปราการ เป็นการด่วน

ล่าสุดเช้าวันนี้ (1 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวไปที่วัดป่าถ้ำผาผึ้งอีกครั้ง บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา พระอธิการวันที ปิยวัณโณ เผยว่า แม่ชีพรรณมาขอปฏิบัติกรรมฐานที่นี่ตั้งแต่ช่วงเข้าพรรษา อยู่มาประมาณ 3 เดือนแล้ว ก็ดูปกติทุกอย่าง ก่อนหายตัวไปแม่ชีบุญเคยมาเปรย ๆ ว่า แม่ชีพรรณเปลี่ยนไป มีอาการหวาดระแวงตลอดเวลา บอกว่ามีวิญญาณมาตามรังควาน

ด้านนายจักรชัย ใจหนัก หัวหน้างานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลหนองบัว เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยแม่ชีออกจากแทงก์น้ำ เล่าว่า ในสวนดังกล่าวชุดค้นหาเคยเข้าไปดูแล้ว 2 รอบ แต่ไม่เจอ ซึ่งแทงก์น้ำดังกล่าวมีความสูงถึง 4 เมตร และมีบันไดเล็ก ๆ ที่ขึ้นไปได้ แต่ก็ขึ้นได้ลำบาก ขนาดคนหนุ่ม ๆ ยังขึ้นไปยากเพราะบันได้มีความชัน 90 องศา แล้วยังตอนลงไปในแทงก์อีก ซึ่งมีน้ำอยู่ 50 เซนติเมตร หรือประมาณครึ่งเข่า

ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสได้พูดคุยกับแม่ชีพรรณทางโทรศัพท์ เนื่องจากยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล บอกว่า ตัวเองก็ยังจำไม่ได้ว่าก่อนหายตัวไปตัวเองได้กินข้าวหรือไม่ ส่วนที่ออกจากกุฏิไป เพราะถูกบางสิ่งบางอย่างซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครตามรังควาน จนออกจากห้องไปกินอาหารไม่ได้เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน จนต้องดื่มปัสสาวะตัวเอง ตอนนี้อาการอ่อนเพลียก็ขึ้นมากแล้ว

จากอาการที่เกิดขึ้น น่าจะหลอกจากอาการป่วย โดยญาติของแม่ชีพรรณ ให้ข้อมูลว่า แม่ชีพรรณมีอาการทางประสาท เคยเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลสวนปรุงเชียงใหม่มาก่อน