'พระมหาไพรวัลย์' ยันลาสิกขาเป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ได้ถูกกดดัน-บีบบังคับ

สังคม

'พระมหาไพรวัลย์' ยันลาสิกขาเป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ได้ถูกกดดัน-บีบบังคับ

โดย weerawit_c

31 ต.ค. 2564

137 views

จากกรณีที่พระมหาไพรวัลย์ พระวัดสร้อยทอง ไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊ก มีใจความบางช่วงกล่าวถึงการประกาศเตรียมลาสิกขา สละจีวรแสดงอารยะขัดขืน ถึงความไม่เป็นธรรมหากรักษาการเจ้าอาวาสไม่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส


พระมหาไพรวัลย์ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องของพระราชปัญญาสุธี รักษาการเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ที่อาจจะไม่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เป็นสิ่งที่พระผู้ใหญ่มีการพูดคุยกัน และสาเหตุสำคัญเชื่อว่ามาจากการที่ไม่สามารถจัดการพระทั้ง 2 รูป คือ ตนเองและพระมหาสมปองได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วท่านมีคุณสมบัติที่เหมาะสม ทั้งจำพรรษาอยู่วัดแห่งนี้มานาน เป็นพระผู้เพียบพร้อม เชี่ยวชาญงานด้านพระพุทธศาสนา มีความรู้เป็นที่ยอมรับ และมีลูกศิษย์จำนวนมาก ดังนั้นหากไม่ได้รับการแต่งตั้งจึงสะท้อนถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในระบบปกครองคณะสงฆ์


ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ ที่นำเภทภัยครั้งนี้มาสู่เจ้าคุณอาจารย์ จึงขอแสดงอารยะขัดขืน ที่ไม่อาจสู้กับความเป็นธรรมนี้ได้ ในฐานะที่ไม่มีตำแหน่งใดๆ เป็นเพียงพระภิกษุสงฆ์และพระลูกวัด จึงขอสละความเป็นพระเอาผ้าไตรจีวรที่นุ่งห่มมา 10 กว่าปี ถวายกลับคืนเป็นอาจริยวาท พร้อมยืนยันเป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ได้ถูกกดดันหรือบีบบังคับแต่อย่างใด


ทั้งนี้หากต้องกลับไปเป็นฆราวาส จะกลับไปดูแลโยมแม่ ส่วนที่มีการร้องไห้ไม่ได้เป็นสัญลักษณ์หรือเรื่องความอ่อนแอเสมอไป แต่เป็นการแสดงถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่มีต่อแม่ และขอฝากถึงบรรดาลูกศิษย์ ขออย่ายึดติด ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทหรือสถานะใด ก็ขอให้มีความรักและเคารพในความเป็นเพื่อนมนุษย์ระหว่างกัน


ส่วนหลังจากนี้หากยังมีความเป็นธรรมอยู่ รักษาการเจ้าอาวาสได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ก็มีโอกาสทบทวนการตัดสินใจ แต่คงต้องรอประกาศหรือหนังสือที่ชัดเจนออกมาอีกครั้ง


ขณะที่พระมหาสมปอง กล่าวว่า ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจที่จะไปไลฟ์ด้วยกัน แต่พอเห็นพระมหาไพรวัลย์ร้องไห้และพูดถึงโยมแม่จึงตัดสินใจไปหา จริงๆแล้วเคยมีการปรึกษาประเด็นเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้มาแล้วหลายครั้ง สิ่งที่ท่านพูดออกไปเป็นความมุ่งมั่นและไม่ใช่เรื่องของการยึดติด แต่เกิดจากความผูกพันในฐานะลูกศิษย์ และมองว่าอาจเป็นต้นเหตุหากทำให้ท่านไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ทั้งที่ท่านมีคุณสมบัติ มีความเหมาะสม จึงอยากแสดงความรับผิดชอบและแสดงอารยะขัดขืนต่อความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้น


ส่วนตัวท่านเองนั้นที่เคยบอกว่าจะลาสิกขา โดยขอเวลา 2 ปี เนื่องจากยังมีภารกิจที่ต้องจัดการอีกมาก ไม่ใช่เพียงสาเหตุจากเรื่องของความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรมอันมาจากการปกครองในหมู่คณะสงฆ์ ซึ่งต้องยอมรับว่าหลายเรื่องไม่อาจที่จะพูดถึงได้ ถือเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดที่ต้องเฉยเมยทำเป็นไม่รับรู้ บางเรื่องหรือบางกฎเกณฑ์เองยังทำให้รู้สึกอึดอัดในการจำกัดการเรียนรู้ในยุคสมัยที่เปิดกว้าง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องของงานเผยแพร่พระพุทธศาสนาในยุคที่เปลี่ยนไป รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์โควิด


ขณะที่บรรดาพระหรือญาติโยมแสดงความรู้สึกเสียดาย อยากบอกว่า การลาสิกขาหรือสึกออกไปเป็นฆราวาสไม่ใช่เรื่องที่แปลก เพราะไม่ว่าจะในฐานะอะไร ก็สามารถทำประโยชน์หรือสร้างคุณค่าให้กับสังคมได้


ส่วนที่มีมุมมองว่าการตัดสินใจดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างความกดดัน คงเป็นไปไม่ได้ ลำพังพระสงฆ์แค่ 2 รูปจะไปทำอะไรได้ เป็นเพียงความรู้สึกที่ต้องการแสดงความรับผิดชอบเท่านั้น หลังจากนี้ได้แต่หวังว่า รักษาการท่านจะได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส เพื่อที่อย่างน้อยพระมหาไพรวัลย์จะยังคงทำหน้าที่ในบทบาทของพระสงฆ์ต่อไป


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/Qiw4ss2NFZM

คุณอาจสนใจ

Related News