เจ้าของร้านชาบู ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจ หลอกเอาข้อมูลบัญชี โชคดีไม่มีเงินให้หลอก

สังคม

เจ้าของร้านชาบู ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจ หลอกเอาข้อมูลบัญชี โชคดีไม่มีเงินให้หลอก

โดย passamon_a

31 ต.ค. 2564

278 views

เจ้าของร้านชาบู เตือนภัย ถูกมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นตำรวจ หลอกเอาข้อมูลบัญชี โชคดีไม่มีเงินให้หลอก ด้านลูกสาวก็ถูกหลอกผ่านเฟซบุ๊กเช่นกัน


ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.มธุรา อดเหนียว เจ้าของร้านโกดังชาบู แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กทม. ที่เคยเป็นข่าวออกมาระบายความในใจ หลังถูกสั่งห้ามนั่งทานอาหารในร้านในสถานการณ์โควิดระบาดหนักก่อนหน้านี้


โดย คุณมธุรา เล่าว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ตนได้รับสายจากมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นบริษัทขนส่งสินค้าชื่อดัง โดยเป็นเสียงข้อความอัตโนมัติ แจ้งว่ามีพัสดุตีกลับ ให้ติดต่อพนักงานตามเบอร์ที่แจ้ง เมื่อตนติดต่อไปยังเบอร์ดังกล่าว ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพนักงานแจ้งว่ามีพัสดุที่ส่งไปต่างประเทศ เป็นพัสดุผิดกฎหมาย ตอนนี้ถูกอายัดอยู่


ตนก็ตกใจ จึงถามกลับไปว่า "พัสดุอะไรคะ เราไม่เคยส่งสินค้าไปต่างประเทศนะคะ เราขายแค่น้ำจิ้มชาบู ไม่เคยส่งสิ่งผิดกฎหมาย" เขาตอบกลับว่า ในกล่องพัสดุมีพาสปอร์ต 14 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 10 ใบ และเสื้อผ้า 8 ชุด ตนจึงปฏิเสธไปว่าไม่ใช่ของตน เขาก็บอกว่า อาจจะถูกแอบอ้าง ก่อนจะแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ หากไม่สะดวกเดินทางไปจะช่วยประสานตำรวจให้


เมื่อตนบอกว่าไม่สะดวกเดินทางไป มิจฉาชีพจึงได้โอนสายไปยังผู้ร่วมขบวนการที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ก่อนจะบอกให้แอดไลน์เพื่อจะรับลงบันทึกประจำวันผ่านไลน์ หลังจากแอดไลน์เสร็จ เขาก็โทรกลับมาทันที โดยไม่เว้นช่องว่างให้ได้เอะใจ หรือได้ปรึกษาคนในครอบครัวเลย


จากนั้นเขาก็ขอเลขบัตรประชาชนเพื่อนำไปตรวจสอบ พร้อมทำทีคุยผ่านวิทยุสื่อสารของตำรวจ และแจ้งว่า ตนมีคดีเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกับนายสมศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ทางการต้องการตัวอย่างมาก พร้อมส่งรูปนายสมศักดิ์มาให้ดู ถามว่ารู้จักคนนี้ไหม และพยายามพูดให้ตนกลัวว่า ตรวจสอบพบว่าตนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในขบวนการฟอกเงินกับนายสมศักดิ์ มีเงินหมุนเวียนในบัญชี จำนวน 8 ล้านบาท โดยตนมีหน้าที่เปิดบัญชีให้นายสมศักดิ์ แล้วได้ส่วนแบ่ง 10% พร้อมขู่ว่าให้บอกข้อมูลส่วนตัวให้หมด หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริง ๆ มิเช่นนั้นจะมีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด มีโทษจำคุก 3-5 ปี


ขณะนั้นตนรู้สึกกลัวอย่างมาก จึงให้ข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดไป แต่ก็ยังมีสติอัดเสียงการสนทนาไว้ โดยมิจฉาชีพได้หลอกถามถึงอาชีพ รายได้ ข้อมูลเลขที่บัญชี 4 ตัวหลัง ข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม และยอดเงินในบัญชีทั้งหมด ซึ่งตนก็บอกไปตามความจริง ว่าตนมี 3 บัญชี แต่ทั้ง 3 บัญชี มียอดเงินรวมกันไม่ถึง 200 บาท พร้อมกับบอกเขาไปว่า ตนจะฟอกเงินได้อย่างไรในเมื่อตอนนี้มีแต่หนี้สิน


หลังจากนั้นมิจฉาชีพก็อ้างขอเวลาตรวจสอบข้อมูล ก่อนจะส่งข้อความมาบอกว่า ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนพัวพันกับการฟอกเงินของนายสมศักดิ์ และห้ามตนไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร เพราะเป็นความลับพิเศษคดีนี้เป็นคดีใหญ่ระดับประเทศ หากข้อมูลรั่วไหลอาจทำให้คนร้ายหลบหนีไปได้ ซึ่งตนมารู้ตัวภายหลังว่าถูกหลอก และถือว่าโชคดีที่ตนไม่มีเงินในบัญชีให้มิจฉาชีพเอาไปได้ ซึ่งจากนี้ตนจะไปปิดบัญชีทั้งหมดที่บอกข้อมูลมิจฉาชีพไป


ทั้งนี้ อยากเตือนภัยคนอื่น ๆ ว่า มิจฉาชีพมีวิธีการพูดให้เราหลงเชื่อจนเผยข้อมูลทั้งหมดออกไปได้โดยง่าย โดยก่อนหน้านี้ ลูกสาวของตน อายุ 11 ปี ก็ถูกมิจฉาชีพหลอกให้เล่นเกมตอบคำถามในเฟซบุ๊ก หากตอบถูกจะได้รับเงินเป็นทุนการศึกษาจำนวน 5,000 บาท


พอลูกสาวตอบคำถามถูก มิจฉาชีพได้บอกให้โอนเงินให้ก่อน 309 บาท ตามกติกาของบริษัท แล้วทางบริษัทจะโอนเงินทั้งหมดให้ ซึ่งโชคดีที่ลูกสาวมาถามตนก่อน ตนก็บอกว่าเป็นมิจฉาชีพนะ ถ้าไม่เชื่อลองโอนไปก็ได้ แต่ถ้าถูกหลอกจะหักค่าขนมทั้งเดือน ซึ่งลูกสาวก็ลังเลอยู่นาน เพราะเงิน 5,000 บาท ถือว่าเยอะมากสำหรับเด็ก จนสุดท้ายลูกสาวตัดสินใจเชื่อแม่และไม่โอนเงินไป จึงอยากฝากเตือนผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานให้ดี เชื่อว่าคงจะมีเด็กถูกหลอกกันจำนวนมาก เพราะขนาดผู้ใหญ่ยังถูกหลอกได้ง่าย ๆ เลย


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/O4UdGBb49hU

คุณอาจสนใจ

Related News