ราคาน้ำมันที่พุ่งสูง นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการขนส่ง กลุ่มรถบรรทุกแล้ว วันนี้ยังกระทบค่าใช้จ่ายของประชาชน ที่ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าน้ำมันสูงถึง 1,700 บาทต่อเดือน

โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี เผยผลศึกษาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นมาก พบว่า ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ได้แก่ ขนส่งและโลจิสติกส์ ประมง และวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้ พึ่งพิงน้ำมันมาก แต่ไม่สามารถปรับราคาขายตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ เพราะถูกควบคุมราคาจากภาครัฐ

ผลการศึกษายังพบว่า วันนี้ราคาน้ำมันได้กระทบต่อภาครัวเรือนไทยอย่างหนัก โดยข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 63 ภาคครัวเรือนไทยมีค่าใช้จ่ายน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ย 1,361 บาทต่อเดือน คิดเป็นสัดส่วนการใช้น้ำมัน 6.4% ของค่าใช้จ่ายรวม

ขณะที่ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น 25% ในปีนี้ ส่งผลทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 340 บาทต่อเดือน หรือ รวมแล้วประชาชนต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าน้ำมันสุงถึง 1,701 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว โดย ทีทีบี เห็นว่า ภาครัฐควรตรึงราคาขายปลีก โดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมัน เข้ามาชดเชยราคาให้ลดลง และหากมีความจำเป็นในกรณีราคาพุ่งสูงขึ้นมาก อาจพิจารณาลดภาษีน้ำมันลง เพื่อช่วยบรรเทาภาระต้นทุนของภาคธุรกิจ และค่าครองชีพประชาชนลง

ขณะที่นายปุณฑริก ตติยไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ข้าวตราฉัตร กล่าวว่า ราคาน้ำมันขณะนี้ ยังไม่กระทบต่อราคาขายปลีกข้าวสารในท้องตลาดไปจนถึงต้นปีหน้า เนื่องจากมีผลผลิตออกมามาก ขณะที่การส่งออกยังไม่ได้สูงมาก จนถึงขั้นดูดซับปริมาณข้าวในระบบ ด้านนายธรรมวิทย์ ศรีเกริกกริช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการผลิตและวิศวกรรม เปิดตัวข้าว 15 องศา นวัตกรรมการจัดเก็บข้าวหอมมะลิใหม่ ที่ ความเย็น 15 องศา ทำให้ข้าวหอม นุ่ม เหนียว ตลอดปี เสมือนข้าวเพิ่งเก็บเกี่ยวมาใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภค ที่หันมาบริโภคข้าวคุณภาพสูงมากขึ้น

ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/bvZb8qtub5s