สาวท้อง 6 เดือนตายทั้งกลม ถูกแท็กซี่ชนลากไป 100 เมตร สามีโวยรถรพ.ไม่รีบนำตัวรักษา

สังคม

สาวท้อง 6 เดือนตายทั้งกลม ถูกแท็กซี่ชนลากไป 100 เมตร สามีโวยรถรพ.ไม่รีบนำตัวรักษา

โดย pattraporn_a

26 ต.ค. 2564

368 views

เกิดเหตุสาวอายุ 21 ปี ตั้งครรภ์ 6 เดือน ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์สามี ก่อนเสียหลัก สุนัขตัดหน้ารถล้มหน้าตลาดบางแค จากนั้นมีรถแท็กซี่ขับมาชน ก่อนลากไปไกลกว่า 100 เมตร จนหญิงรายนี้ตายทั้งกลม ก่อนที่พลเมืองที่จะช่วยกันไล่ตามรถแท็กซี่ได้ทัน ด้านสามีทำใจไม่ได้


เหตุการณ์นี้ถูกโพสต์โดยผู้ใช้เฟสบุ๊ก nickname my touch ที่โพสต์ภาพหญิงตั้งครรภ์ 6 เดือนถูกรถแท็กซี่ชน โดยมีภาพคนเจ็บนอนอยู่กลางถนน โดยมีสามีอยู่ข้างๆ พร้อมระบุข้อความ พระคุ้มครองนะครับ ขอให้เมียกับลูกของน้องปลอดภัยนะครับ


ทีมข่าวตรวจสอบเหตุการณ์นี้ ทราบว่าเกิดขึ้นที่บริเวณด้านหน้าตลาดบางแค ถนนเพชรเกษม ฝั่งขาออก ช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ของวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม ก่อนที่ไปเสียชีวิต ระหว่างทางนำส่งโรงพยาบาล เวลาประมาณตี1 ของวันที่ 25 ตุลาคม โดยทราบว่าผู้เสียชีวิต คือ นางสาวนลิน การประเสริฐ หรือ หยี อายุ 21 ปี กำลังตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน


นายปาย อายุ 22 ปี สามีของผู้เสียชีวิต เล่าว่า คืนวันเกิดเหตุ แฟนอยากทานข้าวที่ร้าน ซึ่งตนก็พยามห้ามแล้ว เพราะเป็นห่วง แต่แฟนก็ยังยืนยันจะขอไปกินที่ร้าน จึงตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์ไป แต่ระหว่างทาง แฟนปวดท้อง จึงจะเดินทางไปโรงพยาบาลแทน แต่แฟนลืมนำบัตรประชาชนติดตัวมา จึงจะวนรถกลับไปที่บ้าน


ระหว่างทางเมื่อขี่มาถึงสะพาน ข้ามคลอง ก่อนถึงหน้าตลาดบางแค มีสุนัขสีขาววิ่งตัดหน้า รถจึงเสียหลักล้ม เมื่อตนตั้งหลักได้ จึงหันไปจะคว้ามือแฟน มือกำลังจะเอื้อมไปถึงมือแฟน ปรากฎว่ามีรถแท็กซี่สีส้ม ขับมาด้วยความเร็ว ขับพุ่งทับแฟนตนจนไปอยู่ใต้ท้องรถ ตอนนั้นได้ยินเสียงกระดูกแฟนหัก ก่อนที่รถจะยังขับลากไปไกลกว่า 100 เมตร จนแฟนหลุดออกมาทางด้านหลังรถ รถยังพยามขับหนีต่อไป


ตอนนั้นตนพยามวิ่งตามสุดชีวิต จนหกล้ม มีบาดแผลที่หัวเข่า และแขนซ้าย พร้อมกับตะโกนต่อว่าแท็กซี่ และบอกว่า พี่ผมกราบล่ะ หยุดรถเถอะครับ หยุดรถเถอะ แต่คนขับยังคงขับต่อ จึงมีพลเมืองดีขี่รถไปปาดหน้าให้แท็กซี่จอด ส่วนตนก็พยามช่วยเหลือแฟน ภาพที่เห็นคือแฟนเอามือทั้ง 2 พยามป้องกันท้องเอาไว้ ไม่ให้ลูกเป็นอะไร ทั้งที่แขนหักผิดรูปไปหมด


ตนพยามตะโกนขอให้คนมาช่วยแฟน ที่นอนบาดเจ็บอยู่บนถนน และเรียกแฟนให้มีสติ แต่แฟนตอบมาแค่ อือ จากนั้นจึงมีคนเรียกเจ้าหน้าที่อาสาสมัครเข้ามาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งช่วยดีมา กระทั่งรถพยาบาลมาถึง แต่แพทย์ที่มาด้วย กลับสอบถามว่า ขอเลข 13 หลักบัตรประชาชน ซึ่งตนจำไม่ได้ โดยบอกว่าถ้าไม่มีก็ไม่สามารถนำส่งได้ จึงสงสัยว่าทำไมถึงไม่รีบนำส่งโรงพยาบาลก่อนเพราะเป็นเหตุฉุกเฉิน


ตนจึงต้องโทรศัพท์บอกญาติให้มาที่จุดเกิดเหตุเพื่อเอากุญแจห้อง ไปไขเอาเอกสาร และกลับมาที่เกิดเหตุอีกครั้ง ซึ่งใช้เวลารวมมากกว่า 20 นาที โดยรถโรงพยาบาลจอดอยู่กับที่ จึงรู้สึกว่าบัตรประชาชนสำคัญกว่าชีวิตหรือ ซึ่งหากให้การช่วยเหลือหรือส่งไปยังโรงพยาบาลได้ทันแฟนและลูกอาจจะไม่เสียชีวิต


ซึ่งพอไปถึงมือหมอที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าหมอบอกว่า หัวใจหยุดเต้นแล้ว คนไข้ไม่มีการตอบสนองเสียชีวิตแล้ว ตอนนั้นตนรู้สึกช็อกมาก ทั้งนี้ อีกสามเดือนลูก ก็จะลืมตาดูโลกแล้ว ความรู้สึกของคนที่จะได้เป็นพ่อ มันเจ็บไปหมดเลยอธิบายไม่ถูก


ที่ผ่านมาตนจะมากระซิบบอกกับลูกในท้องว่า เดี๋ยวออกมาแล้วไปเที่ยวกันนะ ไปเที่ยวทะเลกัน ตอนนี้พ่อเก็บตังค์แล้วเดี๋ยวเราไปเที่ยวกัน โดยตนยังไม่ทราบเพศลูก แต่ตนและแฟนอยากได้ลูกสาว ซึ่งตั้งชื่อกันไว้ว่า น้องอลิส แต่ปรากฎว่าก็ไม่มีโอกาสได้เจอหน้าลูก และพาลูกไปเที่ยวทะเล 3 คน พ่อแม่ลูก


ด้านนางนงนภัส ตั้งนิมิตโชค อายุ 59 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ทราบข่าวว่าลูกสาวเสีย ช่วงประมาณตีห้า รู้สึกตกใจ ทำใจไม่ได้ เพราะลูกสาวกำลังตั้งครรภ์ 6 เดือน ซึ่งเป็นหลานคนแรก ยืนยันจะเอาเรื่องคนขับรถให้ถึงที่สุด รวมถึงไม่อโหสิกรรม และไม่จำเป็นต้องมาขอขมาศพลูกสาว และหลาน


โดยตนไปเห็นศพลูกสาวที่โรงพยาบาล ทำใจไม่ได้พยายามเขย่าให้ลูกสาวฟื้นขึ้นมา เหตุการณ์นี้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ลืมไม่ได้ ส่วนลูกสาว ตนก็บอกกับอยู่ตลอดว่า แม่จะช่วยกันเลี้ยงหลานนะ แต่ตอนนี้ทุกอย่างที่วางแผนเอาไว้ไม่มีอีกแล้ว ที่ผ่านมาก็มีลางสังหรณ์จากนายจ้าง ที่ตนเคารพ ช่วงก่อเกิดเหตุ นายจ้างเห็นเด็กผู้หญิงเดินมากับตน แต่นายจ้างไม่กล้าเล่าให้ฟัง เพราะกลัวกังวลใจ จนหลังเกิดเหตุจึงเพิ่งเล่าให้ฟัง


และเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมารับร่างที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เพื่อนำร่างทั้งคู่ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดสะแกนอก ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจในวันพฤหัสบดีนี้


โดยญาติซึ่งมีเชื้อสายจีน แนะนำเอาชาโรยในโลงศพ ก่อนที่จะปูกระดาษเงินกระดาษทอง แล้วจึงนำร่างมาบรรจุใส่โลง ส่วนโลงเด็ก ทางญาติได้นำเบาะ ขวดนม และของเล่นมาใส่ไว้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ทั้งแม่ของผู้เสียชีวิตและสามี ต่างทำใจยอมรับไม่ได้


ขณะที่ทีมข่าวได้คุยกับนายทัช พลเมืองดี เล่าว่า คืนเกิดเหตุขี่รถจักรยานยนต์มา ต้นเห็นจังหวะที่รถแท็กซี่ชนและลากน้องผู่หญิงไปไกลประมาณ 100 เมตร ก่อนที่จะมีพลเมืองดีคนขี่รถจักรยานยนต์ไปปัดหน้าเพื่อให้แท็กซี่จอด


ซึ่งจากที่เห็นเหตุการณ์ยืนยันว่า ไม่เห็นว่าแท็กซี่มีการเบรกรถ มีเพียงการชะลอและพยายามขับต่อไป ซึ่งตอนนั้นตนได้คุยกับคนขับรถแท็กซี่วัย 68 ปี โดยถ้อยคำหยาบคาย ว่าทำไมจึงไม่ยอมหยุดรถ หรือจอดช่วยเหลือ แต่คนขับรถกลับตอบเพียงแค่ว่าผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่เห็น


ขณะที่ หญิงที่ถูกชน ยังนอนเจ็บอยู่ ตนก็พยามบอกไม่ให้เคลื่อนย้าย จนกว่าแพทย์จะมา แต่ปรากฏว่าเมื่อทีมแพทย์ของโรงพยาบาลมาถึง กลับสอบถามว่ามีสิทธิประกันอยู่ที่ใด แล้วจึงค่อยนำเครื่องออกซิเจนมาช่วย ตนจึงถามไปว่าทำไมไม่รีบนำส่งโรงพยาบาล แต่กลับยังรอเลขเอกสารอยู่ ซึ่งใช้เวลานานกว่า 20 นาที


ด้านคดีความ ขณะนี้ พนักงานสอบสวนได้ยึดรถแท็กซี่ ไว้ที่ สน. ก่อนปล่อยตัวคนขับกลับไป และยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เพราะยังต้องรอการสอบสวน และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน จากกล้องวงจรปิด รอผลทางนิติวิทยาศาสตร์ แล้วจึงเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบปากคำต่อไป


ส่วนที่ก่อนหน้านี้ ญาติของผู้เสียชีวิต ทราบมาว่าผู้ขับขี่ เคยมีกรณีขับรถชนคนตายมาแล้วสองครั้งนั้น ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ยืนยัน และขอเวลาตรวจสอบก่อน



ชมผ่านยูทูบ :  https://youtu.be/Jt3JPV-NZRk

คุณอาจสนใจ