ตำรวจสภ.เมืองสุพรรณบุรี คุมตัวนายเมธี ศรีสุวรรณ วัย 36 ปี และนางสาวอารีรัตน์ สิงหนาท วัย 28 ปี พ่อและแม่ มาสอบปากคำ หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยทำร้ายลูกสาวแท้ๆ วัย 3 ขวบ เจ็บปางตาย มีรอยบุหรี่จี้ทั้งตัว และทุบตีจนเยื่อหุ้มในสมองอักเสบ

โดยตำรวจสามารถจับกุมทั้งสองราย ได้ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี กระทั่งสืบสวนจนพบ รถจักรยานยนต์ของนายเมธี จอดอยู่หน้าบ้าน จากนั้นชุดสืบสวนจึงเข้าจับกุม และมีรายงานว่า ขณะเข้าจับกุม ผู้ต้องหาทั้งสองราย ได้ทิ้งยาเสพติดลงในชักโครกด้วย

การสอบสวนผ่านไปนานกว่า 7 ชั่วโมง พ่อเด็กยังปากแข็งปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ โดยนายเมธี ศรีสุวรรณ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหา บอกว่า ตนเป็นพ่อแท้ๆจะตีลูกตัวเองได้อย่างไร ซึ่งก่อนที่จะพาลูกสาวไปโรงพยาบาลนั้น ภรรยาได้อุ้มลูกสาวพร้อมกับลูกชายมาที่บ้านมาเคาะประตูห้อง ประมาณ01:00 น. กระทั่งตนเห็นว่าลูกสาวนั้นถูกทำร้ายร่างกาย หน้าตาพกช้ำ จึงตัดสินใจพาส่งโรงพยาบาลทันที ยอมรับว่าสงสารลูกมาก

นอกจากนี้แล้วตนไม่ทราบว่าลูกสาวถูกใครทำร้ายร่างกายมา เนื่องจากภรรยานั้นออกจากบ้านไปได้เกือบหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งหากมีปากเสียงกันภรรยาก็จะเอาลูกไปอยู่ด้วยทั้งสองคน ส่วนจะไปไหนนั้นตนไม่ทราบ เพราะภรรยาไม่บอกอะไรเลย ได้แต่ปากแข็ง

โดยตนนั้นคบหาดูใจกับภรรยามาแปดปีแล้ว อดีตยอมรับว่าเคยทำร้าย แต่ปัจจุบันตั้งแต่ออกเรือนจำมา มีเพียงปากเสียงกันเท่านั้น ส่วนหลายคนสงสัยว่าตนนั้นรักลูกไม่เท่ากัน ตนขอชี้แจงว่า รักลูกเท่ากัน หากตีตนก็คงจะตีลูกชายคนโตมากกว่าลูกสาว

นอกจากนี้ภายหลังเกิดเหตุ ยอมรับว่ามีความเครียดเพราะตนไม่ได้เป็นผู้กระทำ ซึ่งนั่นลูกสาวตนก็ต้องรักจะกล้าตีได้อย่างไร อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเสพยาเสพติดแต่นานที และก่อนหน้านี้มีคดีชิงทรัพย์ ทั้งนี้ส่วนความสัมพันธ์ของตนและภรรยานั้นยังไม่ทราบ และขอชี้แจงว่าตนเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวเอง

ด้านของแม่เด็ก 3 ขวบ ระบุว่า การทุบตี ไม่เคยทำร้ายร่างกายลูกมาก่อน ไม่เคยทำลูก แต่ยอมรับว่า มีเหตุการณ์มาก่อนหน้านี้ แต่ไม่พูดถึง ส่วนกรณีที่ตนถูกทำร้ายหรือไม่นั้น ยอมรับว่า เคยถูกทำร้ายบ้าง เพราะสามีหาวว่าตนไม่ช่วยปัญหา ส่วนเรื่องการทำร้ายลูก เหมือนเป็นการกดดัน ที่ทำร้ายตนไม่ได้ แล้วมาทำร้ายลูกแทน ตนเคยห้ามแต่ไม่เป็นผล ส่วนอาวุธใช้ไม้แขวนเสื้อเท่านั้น และใช้มือทำร้ายร่างกาย

ตลอดเวลาที่เห็นสามี ทำร้ายลูก ยอมรับว่า เสียใจ กดดัน เจ็บปวด และสะเทือนใจมาก วันที่พาลูกส่งโรงพยาบาล ตนเป็นคนอ้อนวอน ขอร้องสามีให้พาลูกไปโรงพยาบาล ส่วนเรื่องคดีความ ให้เป็นไปตามกฎหมาย พร้อมยอมรับและยินดีรับผลที่จะเกิดขึ้น แม่เด็กยอมรับอีกว่า ปกปิดความผิดให้สามี เพราะไม่มีทางเลือก

สำหรับการดูแลเด็กในขณะนี้ ทางจังหวัดสุพรรณบุรี จะให้อยู่ในความดูแลของ ตาและยาย แทนการอยู่ในความดูแลของพ่อแม่ เพราะเชื่อหากเด็กยังอยู่ในความดูแลของพ่อแม่ จะเป็นอันตรายต่อชีวิต

ทางด้านตาของเด็กเล่าว่า ตนมีลูกสาว 2 คนแม่ของเด็กเป็นลูกคนโตที่ผ่านมาหลังจากอยู่กินกับลูกเขยคนนี้ไม่เคยทำความดีให้พ่อแม่ชื่นใจสักครั้งเดียวมีแต่สร้างปัญหา ขโมยเงิน ขโมยพระเครื่องเลี่ยมทอง ขโมยล็อตเตอรี่ในบ้านไปขาย เอาเงินไปซื้อยาเสพติดมาเสพกัน พอเงินหมดก็มาขโมยใหม่

เท่านั้นไม่พอยังแอบอ้างชื่อพ่อแม่ไปกู้ยืมเงินคนอื่นมาซื้อเสื้อผ้ามาใส่ใช้จ่ายเงินยังกับตัวเองเป็นเศรษฐี จนตนและภรรยาเอือมระอาขอตัดขาดจากการเป็นลูกเป็นพ่อเป็นแม่กันไม่เอาแล้ว ตนสงสารหลานมาก

ส่วนทางคดี เบื้องต้น พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งพ่อและแม่เด็ก (ให้ฝากขังในระหว่างการสอบสวน) ในส่วนเด็กตอนนี้มีการตกลงให้อยู่อาศัยกับตายายชั่วคราวไปก่อน และหลังจากนี้จะประสานงานกับ พม. ให้พิจารณาถึงการเลี้ยงดูบุตรว่า สามารถเลี้ยงดูได้หรือไม่ คดีดังกล่าว ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหา 1.ทำร้ายร่างกาย 2.พรบ.คุ้มครองเด็ก 3.พรบ.ความรุนแรงในครอบครัว 4.ยาเสพติด

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/YhyeOWaWoKM