ในหลวง-พระราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เนื่องในวันปิยมหาราช 2564

พระราชสำนัก

ในหลวง-พระราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เนื่องในวันปิยมหาราช 2564

โดย panwilai_c

23 ต.ค. 2564

46 views

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เนื่องในวันปิยมหาราช พุทธศักราช 2564


วันนี้ เวลา 17 นาฬิกา 39 นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน ไปยังพระบรมราชานุสรณ์ ณ พระลานพระราชวังดุสิต พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ,สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ในการนี้ ทรงวางพวงมาลาส่วนพระองค์ และพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5


อนึ่งตลอดทั้งวัน มีคณะบุคคลต่าง ๆ อาทิ คณะองคมนตรี, คณะรัฐมนตรี, หน่วยราชการในพระองค์, หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน นำพวงมาลาไปถวายราชสักการะ พระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันปิยมหาราช ซึ่งเป็นวันคล้ายสวรรคต ปีที่ 111 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เป็นคุณอเนกอนันต์ต่อประเทศไทยและราษฎร ตั้งแต่การประกาศเลิกทาส, การปฏิรูประบบราชการ, ด้านการสาธารณูปโภค เช่น การสร้างรถไฟ การสร้างถนน การขุดคลองต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางคมนาคม และส่งเสริมการเพาะปลูก ส่วนด้านการศึกษา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สร้างโรงเรียนขึ้นหลายแห่ง ทำให้ประเทศไทย มีความเจริญทัดเทียมนานาอารยประเทศ


เวลา 17 นาฬิกา 49 นาที เสด็จพระราชดำเนิน ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันปิยมหาราช พุทธศักราช 2564 ในการนี้ ทรงจุดธูปเทียน เครื่องนมัสการพานทองสองชั้น บูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระอัฐิ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ, สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า, สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี, สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี และพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ซึ่งประดิษฐานที่พระที่นั่งบุษบกมาลา แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยาราชาวดี และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย กราบถวายบังคมพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ ซึ่งประดิษฐานที่พระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยารอง และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย


จากนั้น ทรงศีล เมื่อพระราชาคณะถวายศีล และพระสงฆ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์ จบแล้ว ทรงทอดผ้าไตร 10 ไตร พระสงฆ์ที่สวดพระพุทธมนต์ 10 รูป และสดับปกรณ์พระบรมอัฐิและพระอัฐิ จากนั้น ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ ทรงกราบพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา และทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ ที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2453 ทรงครองสิริราชสมบัติ 42 ปี ซึ่งทรงพระปรีชาสามารถ ในการวางรากฐานปรับปรุง เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย พระราชกรณียกิจสำคัญที่ทรงริเริ่มในรัชสมัยของพระองค์ ถือเป็นต้นแบบสำคัญ ต่อการพัฒนาทุกด้านให้กับประเทศชาติจวบจนปัจจุบัน ทำให้ทรงได้รับถวายพระราชสมัญญาว่า "สมเด็จพระปิยมหาราช" มีความหมายว่า "พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน" รัฐบาลจึงประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันปิยมหาราช