สถานการณ์แม่น้ำท่าจีน ล่าสุด เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา แม่น้ำท่าจีนได้มีปริมาณเพิ่มขึ้น สูงกว่าถนนพระพันวษา 82 ซม.ต่ำกว่าแนวสันเขื่อนคลองหัวเวียง 20-25 ซม.ยังคงเป็นจุดวิกฤตของพื้นที่เขตเศรษฐกิจในเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี และยังเอ่อทะลักเข้าท่วมพื้นที่ใจกลางเมืองสุพรรณบุรี บริเวณสี่แยกแขวงการทาง ถนนเส้นสัญจร ถนนประชาธิปไตย ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง ด้านหน้า โรงเรียนสงวนหญิง ตลอดจนไปถึงคลองหัวเวียง และถนน สาย 340 ฝั่งซ้ายหน้าวัดลาวทอง ต.สนามชัย อ.เมือง ทำให้รถที่สัญจรไปมา ต้องระมัดระวังมากขึ้น

บริเวณใต้สะพานอาชาสีหมอกข้างโรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช สี่แยกแขวงการทาง สุพรรณบุรี ถนนประชาธิปไตย ที่มีน้ำจากแม่น้ำท่าจีนและน้ำมาจากพื้นที่ตำบลสนามชัย ไหลเข้ามาท่วมบนถนน ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสูบน้ำออกแล้ว ส่วนที่โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยาน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ ทหาร กำลังเร่งกรอกกระสอบทรายเพื่อนำไปวางแนวป้องกันโดยรอบโรงพยาบาล ที่น้ำในแม่น้ำท่าจีนซึ่งมีระดับน้ำสูง 6.42 เมตร สูงกว่าถนนพระพันวษา82 เซนติเมตร

ที่บริเวณถนนทางหลวงชนบท หมายเลข 2034 สายอ่างทอง-ไชโย หมู่ที่ 3 ตำบลจรเข้ร้อง อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง กระแสน้ำเจ้าพระยาที่ยังคงเอ่อล้น เข้าท่วมบ้านเรือนในหมู่ที่ 3 ตำบลจรเข้ร้อง ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไหลผ่านคันกั้นน้ำข้ามถนนทางหลวงชนบท ลงสู่คลองชัยนาท-อยุธยา อย่างต่อเนื่อง มีผลทำให้บางจุดน้ำล้นคันคลองไหลสู่บ้านเรือนและพื้นที่ทำการเกษตรของประชาชน ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลจรเข้ร้อง พื้นที่หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 4 ตำบลชัยฤทธิ์ อำเภอไชโย

ส่งผลให้ชาวบ้านทั้ง 2 ฝั่งถนนได้ออกมาเรียกร้องความต้องการของตนเอง ที่บริเวณถนนทางหลวงชนบท หมายเลข 2034 สายอ่างทอง-ไชโย จำนวนกว่า 100 คน และมีปากเสียงกันวุ่นวาย โดยมีเจ้าหน้าที่อำเภอไชโย และเจ้าหน้าที่เทศบาลไชโย เข้าเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาท ก่อนที่จะเกิดเรื่องบาดหมางขยายวงกว้าง และทำความเข้าใจให้กับทั้ง 2 ฝ่าย โดยมีการนำแบริเออร์มาวางช่องเว้นช่องเพื่อชะลอน้ำให้ไหลผ่านลดน้อยลง ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายพอใจและแยกย้ายกันเดินทางกลับ ท่ามกลางความโล่งใจของเจ้าหน้าที่

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้รับแจ้งจากผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์ว่า เมื่อช่วงเวลา 20.00 น. ของวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา บริเวณคันคลอง 4 ซ้ายชัยนาท – ป่าสัก 2 พื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ถูกน้ำเซาะจนพังทะลายลงมา เป็นช่องกว้างประมาณ 15 เมตร และมวลน้ำกำลังไหลลงสู่ทุ่งเชียงราก เขตตำบลทองเอน อำเภออินทร์บุรี พื้นที่เพาะปลูกนาข้าวหลายพันไร่ แต่โชคดีที่พื้นที่ดังกล่าว ชาวนาได้เก็บเกี่ยวผลผลิตไปก่อนหน้านี้แล้ว

จากนั้นเวลาประมาณ 10.00 น. นายอนุสรณ์ ตันติวุฒิ รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 ได้เดินทางมาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมกำหนดแนวทางในการซ่อมแซมคันถนนที่ขาด โดยกล่าวว่าจะเร่งดำเนินการโดยนำเสาเข็มไม้ยูคาลิปตัสมาตอกเป็นแนว จากนั้นก็จะนำถุงบิ๊กแบ็คมาวาง ก่อนจะเสริมด้วยทรายและหิน เพื่อปิดช่องทางระบายน้ำในครั้งนี้ เพราะหากปล่อยให้มวลน้ำไหลไป ก็จะไหลไปสู่แม่น้ำบางขาม อำเภอบ้านหมี่ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ อำเภอท่าวุ้ง และตำบลหัวไผ่ อำเภอเมืองสิงห์บุรี ได้รับผลกระทบ จึงสั่งการให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://youtu.be/NIb1ZPEV45Y